แม้หลายคนจะรู้ถึงสัจธรรม “เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ต า ยก็หาใหม่ได้” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าความเป็นอยู่ทุกวันนี้
“เงินทองเป็นของนอกกาย แทบต า ยกว่าจะหาใหม่ได้” ทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี
อัตราการจ้างงานที่มีน้อย แทบทุกบาททุกสตางค์จึงมีค่าเสมอสำหรับทุกปากท้องที่ต้องการอิ่ม
ด้วยความที่เงินเป็นสิ่งที่นำไปสู่ปัจจัยหลายอย่างในการดำรงชีวิต การใช้เงินให้คุ้มค่าอย่างไรจึงสำคัญกว่าการมีรายรับจำนวนมากเท่าใด
จำนวนเงินไม่อาจบอกได้ถึงความสุข เพราะบางคนที่มีเงินมากก็ใช่ว่าจะสุขสบาย ในทางกลับกัน
บางคนที่มีเงินน้อยก็ใช่ว่าจะทุกข์เสมอไป ขึ้นอยู่กับกระบวนการคิด และกระบวนการจัดการล้วน ๆ ฉะนั้นแล้ว จะใช้เงินอย่างมีความสุข
ไม่เกี่ยวกับว่าคุณใช้เงินฟุ่มเฟือยเพียงใด หรือคุณขี้งกมากขนาดไหน แต่อยู่ที่การคิดบวก และคิดในแง่ของความคุ้มค่าอยู่ด้วย
“อะไรคือความคุ้มค่า ?” มันก็คือการที่คุณใช้จ่ายเงินอย่างมีเหตุผลรู้ถึงความจำเป็นมากกว่าจะเสียดายมันในภายหลัง ซึ่งสิ่งต่อไปนี้
หากคุณได้เสียเงินแล้ว แม้ว่าเป็นจำนวนมากจนน่าหนักใจ ก็อย่าคิดมาก หากว่ามันจะส่งผลดีต่อคุณในปัจจุบันและอนาคต
1. การศึกษา การศึกษาไม่ว่าจะศาสตร์ใด ระดับใดก็ตาม หรือเพียงแค่หนังสือเล่มเดียวมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเสมอ
ไม่ใช่เพียงวุฒิที่จะทำให้สังคมยอมรับในขั้นแรก แต่การเก็บเกี่ยวความรู้ระหว่างศึกษา
จะทำให้คุณกลายเป็นคนฉลาด มีไหวพริบ รู้เท่าทันสิ่งต่างได้มากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก หากเราจะเห็นว่าบางคนต้องล ง ทุ น
กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาโดยเฉพาะ ยอมลำบากทุกทางเพื่อการศึกษา เพราะมันคือใบเบิกทางที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต
2. สุ ข ภ า พและความปลอดภัย ประกันภัยรถยนต์, ค่าซ่อมบำรุงรถ, อุปกรณ์กันขโมย, อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร,
ประกันสุ ข ภ า พ, ค่าสมาชิกฟิตเนส, ที่พักในย่านที่ปลอดภัย ฯลฯอะไรก็ตามที่เป็นไปเพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง
และครอบครัว ยอมล ง ทุ น ในวันนี้ยังดีกว่าจ่ายอีกบานตะไทในวันข้างหน้าที่มันอาจย ากแก่การควบคุม และสายเกินไปกว่าที่คิด
3. การท่องเที่ยวและการเดินทาง เก็บตังค์สักก้อนไว้ออกไปเที่ยวในวันหยุดไม่ใช่เรื่องที่สิ้นเปลืองแต่อย่างใด เพราะอย่างน้อยมันคือการเปิดโลกทัศน์
ให้ตัวเราเองออกไปเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในที่ต่าง ๆ มากขึ้น ได้ทั้งสุ ข ภ า พจิตที่ดี และไหวพริบที่ดีจากการรู้เท่าทันสังคมและ
โลกไว้นำมาปรับใช้กับชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น
4. การกุศล ไม่สำคัญว่าจำนวนเงินนั้นจะเป็นเท่าใด เพราะใจความสำคัญอยู่ที่ชีวิตนี้คุณได้เคยเป็น “ผู้ให้” บ้ างหรือไม่
ยิ่งคุณให้คนอื่นมากเท่าใดอย่างไม่หวังผลตอบแทนและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน (ไม่ว่าจะคนอื่นหรือตัวเอง) คุณจะสัมผัสได้ถึง
พ ลั งด้านบวกจากความสุขใจที่ได้เห็นผู้รับอิ่มเอม มีสุขมากขึ้น
5. แสดงน้ำใจต่อคนที่รัก แม้การยืมเงินจะเป็นกฎต้องห้ามสำหรับคนที่เป็นเพื่อน แต่การซื้ อของสักเล็กน้อยไปเยี่ยมตามโอกาสอันเหมาะ
หรือมีส่วนช่วยออกค่าใช้จ่ายเล็กน้อยในเรื่องต่าง ๆหรือเลี้ยงตอบแทนสักมื้อเท่าที่จะจ่ายได้ก็คือการแสดงน้ำใจอย่างหนึ่งที่ควรทำ
ไม่ใช่เพราะเม็ดเงินซื้ อมิตรภาพได้ แต่มันเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นความหมายว่าเพื่อนในทางอ้อมว่า ในย ามสุขคุณก็ยังไม่ลืมกันง่าย ๆ
และเห็นพวกเขาสำคัญเพียงใดท่ามกลางโลกที่ยังหมุนไปเรื่อย ๆ
6. ค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพต่าง ๆ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะเก่งทุกอย่างรอบด้าน ฉะนั้นแล้ว
อย่าเสียดายเงินถ้าจะจ้างให้คนที่เก่งกว่าเราทำในสิ่งที่เราต้องการแต่ทำเองไม่ได้ เช่น
งานตัดผม, งานซ่อมรองเท้า, งานซ่อมระบบประปา, งานระบบไฟฟ้า, งานซ่อมนาฬิกา ฯลฯ
และจะเป็นการจ้างที่คุ้มค่ามากขึ้นหากว่าเราได้เรียนรู้ไปพร้อมกับพวกเขาด้วยว่ามีปัญหา และวิธีแก้ไขอย่างไรบ้ าง
เพราะความสุขไม่วัดกันที่จำนวนเงิน แต่เพราะความสุขวัดกันว่าเราใช้ชีวิตหนึ่งได้คุ้มค่าเพียงใด สัจธรรม “เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ต า ยก็หาใหม่ได้”
จึงเป็นสัจธรรมที่ดีที่สุด ที่ยังใช้ได้เสมอ อยู่ที่เราจะคิดได้ดังนั้นหรือไม่ สุขหรือทุกข์ มันอยู่ที่วิธีคิดของเรา เราเลือกคิดได้
ที่มา : j e e b