มีเพื่อนมาปรึกษาว่าทำไมทำดีแค่ไหน คนก็มองไม่เห็นความดีนั้นเสียที ให้อะไรไปกลับถูกปฏิเสธกลับมา ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีแท้ๆ รู้สึกผิดหวัง รู้สึกเ จ็ บ ป วดที่คนมองไม่เห็นสิ่งที่ตัวเองให้ไป
เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า ” การให้ กับ การรับ ไม่เคยเท่ากัน “ หรือ ” เราให้มากไป แล้วอีกฝ่ายไม่รู้จักพอ “ทำไมอุตส่าห์เลือกซื้ อของขวัญที่ดีให้เขาแต่เขาไม่ดีใจทำไมเขาไม่ฟังคำเตือนของเรา
ทั้งๆที่เราหวังดีแท้ๆทำไมเราพย าย ามจะช่วยเขาแต่เขาไม่ยอมให้ช่วยสัจธรรมข้อหนึ่งของชีวิตคือ ” การให้ กับ การรับ ไม่เคยเท่ากัน “ถ้าเมื่อไหร่ใจเราอย ากจะให้เขารับสิ่งที่เราให้…เมื่อนั้น
ใจเราก็เริ่มจะเป็นทุกข์ เพราะเราไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า คนที่อยู่ตรงหน้าจะรับสิ่งที่เราให้ไปอย่างไรความจริงคือ คนมีวิธีที่จะรับของตัวเอง และไม่เท่ากับที่เราให้ไปดังนั้น จงโฟกัสที่การให้ มากกว่า
การรับคืนกลับมา เพราะทุกอย่างที่เราให้ไป เราก็ได้อยู่แล้วเมื่อเราคิดดีกับคนอื่น เราก็ได้ความสุขใจกลับมาเมื่อเราเตือนเพื่อนด้วยความห่วงใย เราก็ได้สัมผัสความรักของเราที่มีต่อเพื่อนเมื่อเราเสนอ
ที่จะช่วยเหลือ เราก็ได้รับความสุขจากความห่วงใยนั้นในทางกลับกัน…เมื่อเราคิดร้ า ยกับใคร เราก็ได้ความทุกข์ใจกลับมาเพราะฉะนั้น จงอย่ าไปกังวลว่า เราทำอะไรให้ใครแล้วเขาจะรับมันยังไง
ให้กังวลดีกว่าว่า เราทำอะไรไปแล้ว เรารู้สึกสบายใจแค่ไหนให้โดยไม่หวังผล คือการให้ที่สบายใจที่สุด ไม่ต้องคาดหวังให้เกิดทุกข์แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่เราให้ไม่เคยเสียเปล่า สักวันการให้…
จะกลับมาเจือจุนชีวิตของเรา ไม่ช้าก็เร็ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งการให้เพื่อหวังผล ไม่ใช่การให้ที่แท้จริงเพราะเราคาดหวังว่าจะต้องได้คืนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วมันจึงเกิดทุกข์ ทุกข์ตั้งแต่ยังไม่ได้ให้ ทุกข์
ตั้งแต่เริ่มคิดจงอย่ าได้ คาดหวังอะไรจากใครๆ และ อย่ าคาดหวังในการคบคน
ขอขอบคุณ b i t c o r e t e c h