Home ข้อคิดชีวิต ผมมีเมียแล้ว แต่ใจไปรักผู้หญิงอีกคน..ผมควรทำยังไงดี

ผมมีเมียแล้ว แต่ใจไปรักผู้หญิงอีกคน..ผมควรทำยังไงดี

3 second read
0
0
158

ชีวิตเราในแต่ละวัน ก็เหมือนการเดินทาง บนถนนสายหนึ่ง เป็นการเก็บเกี่ยวข้อมูลต่างๆ

ข้างทาง ที่เราเดินทางผ่านการเดินทางในถนนสายเดิม ๆ ในเส้นทางเดิม ๆ บางครั้งอาจดู

น่าเบื่อเจอแต่สภาพแวดล้อมเดิมๆ บ ร ร ย า ก า ศ เดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ให้ตื่นเต้น เมื่อ

เจอเส้นทางใหม่ๆ ก็ อยาก ลองค้นหาดูอยาก ลองดูว่าเส้นทางใหม่นั้นสามารถนำพาเรา

ไปสู่จุดหมายปลายทาง ได้ไวขึ้น ถนนดีกว่าเก่า หรือเปล่าแต่ถ้าไม่ใช่ เส้นทางใหม่กลับ

เป็นถนนลุกลัง เดินทางเข้าป่าเข้า ขึ้นเขา คดเคี้ยว ย า ก ลำบากละ เราก็ต้องกลับมาใช้

เส้นทางเดิมถูกไหมชีวิตคู่ก็เหมือนกันกับถนน กลางดึกคืนหนึ่ง มีพระหนึ่งรูปกับโยม

คนสนทนากันอยู่ในวัด

โยม : หลวงพ่อครับ ผมแต่งงาน มีครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้ไปผู้หญิงอีกคน ผมตกหลุมรัก

หญิงสาวคนนั้น ผมจะทำอย่างไรดีครับ

พระ : โยมมั่นใจมั้ยว่าผู้หญิงคนนี้ จะเป็นคนสุดท้ายที่โยมจะรักตลอดไป

โยม : แน่ใจครับ

พระ : งั้นโยม ก็ต้องเลิกกับ ภรรยา คนปัจจุบัน แล้วก็ไปขอเธอแต่งงานซะ

โยม : แต่ ภรรยา คนปัจจุบันของผมก็อบอุ่น ใจดี เป็นคนดีไม่แพ้กัน ถ้าผมทำอย่างนั้น

มันจะไม่เห็นแก่ตัว ไร้ซึ่งคุณธรรมเกินไปหรอครับ

พระ : ในชีวิตการแต่งงานการไร้ซึ่งความรัก ถึงจะถึอว่าไร้คุณธรรม ตอนนี้โยมรักคนอื่นแล้ว

ไม่ได้รักเขาแล้วการทำแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

โยม : แต่ ภรรยา ของผมรักผมมาก รักอย่างลึกซึ้งหมดใจด้วย

พระ : งั้นเขาก็มีความสุข

โยม : ผมจะหย่ากับเขา ไปแต่งงานกับคนอื่น เธอต้องรู้สึกทุกข์ ท ร ม า น ถึงจะถูก

ทำไมหลวงพ่อบอกว่าเธอจะมีความสุขล่ะครับ

พระ : ในชีวิตการแต่งงาน เขายังมีความรักให้โยมอยู่ แต่โยมหมดสิ้นความรักต่อเขาแล้ว

ในความเป็นจริงการมีเป็นความสุข การสูญสิ้นเป็นความทุกข์ ดังนั้น คนที่ทุกข์ ท ร ม า น คือโยมตะหาก

โยม : แต่ผมกำลังจะหย่ากับเขา เพื่อไปแต่งงานกับคนอื่น เขากำลังจะเสียผมไป

พระ : โยมผิดแล้ว โยมเป็นแค่รูปธรรมการแสดงความรัก แบบหนึ่งของชีวิตแต่งงาน

เมื่อรูปธรรมนี้หายไป ความรักแท้ของเขาก็จะเปลี่ยนไปอยู่ที่รูปธรรมอันอื่น

ดังนั้นความรักแท้ ในชีวิตการแต่งงานของเขาไม่เคย สู ญ เ สี ย ไป เขาก็เลยมีความสุข

ส่วนโยมทุกข์ ท ร ม า น

โยม : เขาเคยบอกว่าชีวิตนี้ รักแต่ผมเท่านั้น เขาจะต้องไม่รักคนอื่นแน่ๆ

พระ : แล้วตัวโยมละ… เคยพูดประโยคนนี้มั้ย…? ( พระชี้นิ้วไปที่เทียนแล้วถามต่อ )

เทียนสามเล่มที่ โยมมองเห็นตอนนี้ เล่มไหนสว่างที่สุด

โยม : ผมแยกไม่ออก ดูเหมือนว่าจะสว่างเท่าๆกัน

พระ : เทียนสามเล่มนี้ ก็เปรียบเสมือนผู้หญิง 3 คน หนึ่งในนั้นก็คือหญิงสาวคนที่โยม

บอกว่าโยมรักที่สุด แต่โยมกลับหาเธอไม่เจอ โลกใบนี้กว้างใหญ่มโหฬาร ผู้คนก็มีมากมาย

ผู้หญิงก็มีนับไม่ถ้วนแค่เทียนสามเล่ม โยมยังหาเล่มที่สว่างที่สุดไม่ได้ แล้วโยมจะมั่นใจ

ได้ยังไงว่าเธอคนนี้ จะเป็นคนสุดท้ายที่โยมจะรัก ลองเดินไปหยิบเทียนมาหนึ่งเล่ม

วางไว้หน้าโยม แล้วเล่มนั้นก็จะสว่างที่สุด

โยม : แบบนั้นหลวงพ่อ ไม่ต้องบอกผมก็รู้ มันอยู่ข้างหน้าสุด อยู่ใกล้ผมมันก็ต้องสว่างที่สุดแน่ๆ

พระ : เอามันกลับไปวางไว้ที่เดิม ลองดูใหม่ซิ ว่าเล่มไหนสว่างสุด

โยม : ผมก็ยังดูไม่ออกว่าเล่มไหนสว่างสุด

พระ : ในความเป็นจริงแล้ว เทียนเล่มที่โยมหยิบมาวางตรงหน้าเมื่อกี้ ก็คือหญิงคนนั้น

ที่โยมรัก เมื่อโยมรักเธอ ก็เหมือนเอาเทียนมาวางไว้ใกล้ๆ มันก็จะถูกดวงตาของโยม

ข ย า ย ใหญ่แต่เมื่อเอากลับไปวางที่เดิม โยมก็จะรู้สึกว่ามองหาเล่ม ที่สว่างที่สุดไม่เจอ

ความรักที่บอกว่าเป็นรักสุดท้ายจริงๆ แล้ว ไม่มีจริงหรอกโยม มันก็เป็นแค่ภาพลวงตา ไม่มีจริง

โยม : ผมเข้าใจแล้ว หลวงพ่อไม่ได้บอก ให้ผมหย่า เพียงแต่กำลังชี้จุดให้ผมเข้าใจ

พระ : โยมไปเถิด

โยม : ตอนนี้ ผมรู้แล้วว่าผมควรจะรักใคร ผมแค่เผลอใจไป ชั่ ว ขณะหนึ่ง เลยทำให้ผม

เผลอไป เพ่งมองเทียนเล่มอื่น ทั้งที่จริงแล้วเทียนที่สว่างสุด เขาก็คือ ภรรยา ของผมนั่นเอง

พระ : เจริญพร…

ขอขอบคุณ l i e k r

Load More Related Articles
Load More By Stay
Load More In ข้อคิดชีวิต

Check Also

นิสัย 9 ข้อไม่ควรมี ถ้าจะเป็นเถ้าแก่เงินล้าน

การจะทําธุรกิจซักอย่างหนึ่งให้ประสบความสําเร็จให้ได้นั้นคุณต้องวางแผนการอย่างรัดกุม ยิ่งถ้…