ไม่มีใครอยากเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ต่อให้เบื่อกับสิ่งแวดล้อมที่ทำงานเดิมขนาดไหน เจอแต่เรื่อง
แ ย่ มากี่ปีกี่เดือนแล้วก็ตาม เพราะเราต่างก็รู้ดีว่างานไม่ได้หากันได้ง่าย ๆ ออกไปแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะ
แ ย่ กว่าเดิมอีกรึเปล่าอดทนไปนี่แหละ อย่างน้อยก็ได้เงินเดือนเลี้ยงปากท้อง “ถ้าไม่ใช่เพื่อเงิน”
แน่นอนว่าหลายคนก็คงไม่อดทนแล้วอดทนอีก แต่บางทีการอดทนกับอะไรที่ไม่ชอบใจมาก ๆ หนำซ้ำก็ ร่ า ง ก า ย
และจิตใจก็ต้องมีทรุดกันบ้าง ไม่มีใครหรอกที่จะอดทนกับการ ท ร ม า น ตัวเองไปได้นาน
แต่ถ้าจะให้ลาออกไปเลยก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่จนต้องคิดหลายตลบ
ในเมื่อลาออกไม่ได้ เราก็เปลี่ยนวิธีคิด เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นสิ !
1. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนตรงต่อเวลากว่านี้
เหตุผลของการมาสายเป็นประจำของคนเรามักมีล้านแปดเหตุผล
รถติดบ้าง ตื่นสายบ้าง ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเข้าเร็วบ้าง ซึ่งโดยรวมมันก็คือ “ข้ออ้าง” ดี ๆ นั่นเอง
เพราะมันเป็นการแก้ต่างให้ตัวเอง แต่ขาดความเคารพในปัจจัยอื่นรอบตัว
(จะต้องมีใครรองานเรามั้ย? ระบบการทำงานโดยรวมจะต้องใช้เวลาแค่ไหนถ้าขาดเรา?)
นานวันเข้าก็ไม่แปลกอะไรที่คุณจะรู้สึกเบื่อเพราะมันเป็นความชิลแต่เช้าที่ขาดความน่าสนใจ
อยากให้วันทั้งวันมีแต่สิ่งดี คุณก็ต้องเริ่มสิ่งดีแต่เช้า … เริ่มเลยที่การตรงต่อเวลา ! แอคทีฟตัวเองให้เข้างานให้เร็วหน่อย
เชื่อเถอะว่าการมาก่อนเวลาหรือตรงเวลาคุณจะได้เปรียบคนอื่นเสมอ คุณได้เห็นอะไรมากขึ้นระหว่างเดินทาง
คุณมีเวลามากขึ้นที่จะ setup ตัวเองก่อนเริ่มงานจริง มีสมาธิมากขึ้นในการทำงาน … มันดีกว่าการอ้อยอิ่ง
แบบมาก็ช้า ทำงานก็เช้าชามเย็นชามซะอีก !
2. จัดโต๊ะที่ทำงานใหม่
โต๊ะที่ยุ่งเหยิงคือฮวงจุ้ยที่ไม่ดี ถึงเราจะคุ้นชินได้ดีว่าของชิ้นไหนอยู่ตรงไหน
แต่โดยรวมแล้วมันก็เป็นภาพที่อึดอัด เกะกะ ไม่ต่างอะไรกับการทำงานโดยมีกองขยะบังวิสัยทัศน์ บังอนาคตอยู่
จัดโต๊ะให้เป็นระเบียบ เปลี่ยนมุมให้สบายตาสบายใจกว่านี้ก็จะดีไม่น้อย เวลาที่คุณทำอะไรจะได้สะดวก
คล่องตัวมากขึ้น เห็นอะไรชัดเจนขึ้น สามารถจัดระเบียบงานและระเบียบชีวิตให้บาลานซ์กันได้ดีขึ้นด้วย
3. เพิ่มสีสันให้กับอุปกรณ์ทำงาน
จัดระเบียบโต๊ะทำงานอย่างเดียวมันอาจทำให้คุณรู้สึกเบื่อ
อึดอัดที่ต้องเนี้ยบเกินไป ไร้สีสัน ลองมองหาอะไรที่เป็นสี ๆ อย่างกระดาษโพสต์อิท,
สติ๊กเกอร์, gadgetตุ๊กตา, กระถางต้นไม้เล็ก ๆ มาจัดวางข้างโต๊ะทำงานตัวเองบ้างจะช่วยให้คุณผ่อนคลายขึ้นมาก
4. เข้าสังคมกับที่ทำงานให้มากขึ้น
พยายามหากิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายเพื่อกระชับความสัมพันธ์
ให้มากขึ้นในสไตล์ play hard, work hard เวลาทำงานเราก็จริงจัง
เวลาพักกลางวันหรือเลิกงานเราก็สนุกร่วมกันให้เต็มที่ ! ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ,
หาเกมมาเล่น, แอบ พ นั น อะไรขำ ๆ, ชวนกันไปออกกำลัง, ชวนกันไปชนแก้ว แล้วแต่ที่ชอบ ที่สะดวกเลย
การสานสัมพันธ์ให้สนิทชิดเชื้อกันมากขึ้น เราจะรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานและเจ้านายก็เหมือนอีกครอบครัวหนึ่ง
เวลาทำงานจะได้พูดคุยกันง่ายขึ้น ไม่มีปัญหาการสื่อ ส า ร
5. หาวันหยุดให้กับตัวเองบ้าง
ถึงแม้เงินจะเป็นปัจจัยหลักของชีวิตคนเรา แต่เราก็ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดที่จะต้องอุทิศตัวเพื่อOT
เพื่อองค์กร เพื่อส่วนรวม เราทุ่มเทแต่ ป่ ว ย หนักหรือ ต า ย สุดท้ายองค์กรก็หาคนมาแทนเรา
เรานี่สิไม่ได้อะไรเลย แถมยังทิ้งให้คนข้างหลังต้องเสียใจมากกว่าภูมิใจอีกต่างหาก
ในคติของชาวต่างชาติหลายบริษัทมักกล่าวว่า “ถ้าทำงานได้อย่างเต็มที่แล้ว คุณจะไม่มานั่งทำล่วงเวลาให้เหนื่อยอย่างแน่นอน”
เมื่ออยู่ในเวลาทำงานคุณก็ควรใช้เวลาทำงานให้เต็มที่ ถึงเวลาพักก็ต้องพัก
อย่าหักโหม อย่าขยันเกินตัว เมื่อใดก็ตามที่มีพักร้อนก็ใช้สิทธิให้เต็มที่ได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงองค์กร
เพราะก่อนที่คุณจะทำเพื่อคนอื่น อย่าลืมเช็คตัวเองก่อนว่า สุ ข ภ า พ กายและใจคุณพร้อมแค่ไหน
ไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่คุณจะใช้พลังงานแต่ไม่ชาร์จคืน สุดท้ายคุณนั่นแหละจะมีแต่ล้ากับล้า
โทษใครไม่ได้นะถ้าคุณทำตัวเองขนาดนี้ !
6. มองเรื่อง แ ย่ ให้เป็นเรื่องสนุก อะไรที่เป็น ส า ร ะจริงจัง คิดซะว่ามันคือเรื่องที่น่าท้าทาย น่าเอาชนะ (โดนเจ้านายตำหนิงาน, ลูกค้าไม่พอใจ) ส่วนอะไรที่รู้ทั้งรู้ว่าหา ส า ร ะไม่ได้
(ถูกนินทา, เพื่อนร่วมงานโมโห ร้ า ย , เพื่อนร่วมงานขี้อวด ฯลฯ) ก็คิดซะว่ามันคือเรื่องขำ ๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่ควรค่าแก่การนำมาคิดต่อให้ ป ว ด หัวเปล่า ๆ
7. มีเป้าหมายในชีวิตตัวเอง ถ้าคุณหวังแค่เงินเดือน คุณก็จะใช้ชีวิตแบบเดือนต่อเดือนไปด้วยความน่าเบื่อ เลื่อนลอย ไร้จุดหมาย ลองวางแผนระยะยาวดูสิว่าคุณอยากได้อะไร
อยากเป็นอะไรในอนาคตสัก 5 ปีต่อจากนี้ไปเป็นอย่างต่ำ เช่น อยากมีเงินเดือนที่สูงกว่านี้, อยากเก็บเงินก้อนจำนวนหนึ่งแล้วลาออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว
เราควรจะมีเป้าหมายอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการปลุกไฟในตัวเอง ไม่ได้ทำงานเพื่อเงินเดือนแต่เพียงอย่างเดียว แต่เพื่ออนาคต เพื่อความฝันของตัวเองอีกด้วย
8. เปลี่ยน ศั ต รู ให้เป็นมิตรด้วยการให้ ย้ำอีกทีว่าการให้ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องให้แบบอุทิศตัว ให้จนหมดหน้าตัก อย่าให้กับองค์กรแต่เพียงอย่างเดียว
แต่จงเห็นความสำคัญในการให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะสุดท้ายแล้ว ต่อให้เราทุ่มเทแค่ไหน เราก็ต้องไปจากองค์กร องค์กรก็หาคนมาแทนเราได้ไม่ยาก มิตรภาพนี่สิยั่งยืน แม้จะเปลี่ยนงาน เลื่อนตำแหน่ง หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลง คนดี ๆ สังคมที่ดี จะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเราในระยะยาว
ที่มา : j e e b