คนหลายคนมักจะเคยได้ยินกับคำพูดที่ว่า “จิตใจมนุษย์ ยากแท้หยั่งถึง” คนบางคนที่เราคิดว่ารู้จักเขาดี แต่ความจริงแล้วเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด รู้หน้าไม่รู้ใจ และ
เชื่อว่าหลายๆเคยได้ให้ความช่วยเหลือจากคนรอบ ข้างคนรู้จักมานักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แต่สิ่งที่คุณได้รับกลับคงจะหนีไม่พ้นอยู่ที่ว่า “ทำคุณคนไม่ขึ้น”
มันไม่ใช่เรื่องของการทำความดีหรือความใจดีของเราเป็นเรื่องสูญเปล่า แต่ในบางครั้งเราเลือกที่จะเชื่อใจคนคนนั้นมากจนเกินไปจะมา ทำ ร้ า ย ตัวเราเองในบางครั้ง
ที่เราดูคนผิด ไม่ใช่เพียงพอแล้วมองไม่เห็นแต่นั่นเป็นเพราะความใจดีของตัวเรา ในบางครั้ง ที่เราช่วยคนผิด ไม่ใช่เพราะเรา โ ง่ แต่เราเห็นถึงความรู้สึกมากจนเกินไป
ในบางครั้งที่เรายอมจำยอม ไม่ใช่เพราะอะไรเหตุผลแต่เป็นเพราะไม่อยากโต้แย้งเพื่อการเอาชนะ “กาลเวลา” จะเป็นเครื่องพิสูจน์ใจคนให้เราได้เห็นความจริงเปิดโปงสิ่งที่มีอยู่
ใครเป็นคนพูดจริงใครเป็นคนพูดไม่จริง กาลเวลาเหล่านั้นจะเป็นตัวบอกได้เอง เป็นคนดีระดับไหน ถึงได้ชื่อว่า “ดีเกินไป”
1. แม้ตัวเราเองจะไม่ได้เป็นคนทำผิด แต่ก็เลือกที่จะ “ขอโทษ” เป็นฝ่ายยอมรับผิดเสียเองทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนทำ
2. เสียสละตัวเองมากเกินไป เห็นแก่คนอื่นมากเกินไป จนลืมคิดความรู้สึกของตัวเอง
ช่วยเหลือคนอื่นมากเกินไปจนลืมที่จะช่วยเหลือตัวเอง
3. เ จ็ บ แ ล้ ว ไ ม่ จำ ให้อภัยทุกคนเสมอ ให้อภัยได้ตลอดเวลา ไม่จดจำความผิดที่
เขาเคยกระทำกับตนเอง ถูกเขากระทำซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนไม่เข็ดหลาบ
ถูกเขาหลอกแล้วหลอกอีก เอาเปรียบแล้วเอาเปรียบอีก เหมือน ค น โ ง่
ที่ไม่เรียนรู้ชีวิตเพราะดีเกินไป
การเป็นคน “ดีเกินไป” หรือ การทำ “ดีเกินไป” นั้น ย่อมนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง มิหนำซ้ำ ยังเป็นการส่งเสริมให้คนอื่นได้ใจ และ
ชอบเอารัดเอาเปรียบต่อไปเรื่อย ๆการเป็นคนดี พอเหมาะพอควร คือ การทำดี โดยที่ตนเองไม่เดือดร้อน ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ คนดีต้องรักตนเองก่อน จะทำดีอย่างไรก็
อย่าให้ตนเองเดือดร้อน และควรทำดีให้ถูกคน ทำดีกับคนที่รู้จักสำนึกในความดีของคนอื่น หากคนไหนไม่สำนึก ไม่จดจำความดีของคนอื่น เราก็จงเลิกทำดีกับเขา
เอาเวลาของเราไปทำดีกับคนที่ดีจะดีกว่าเสียเวลาให้กับคนที่เห็นการทำดีเป็นความ โ ง่ ถูกเขาเอารัดเอาเปรียบ จงอย่าดีเกินไปขอให้คุณเป็นคนดีที่ไม่เดือนร้อนใคร และ
ไม่เดือดร้อนตัวเอง ที่สำคัญขอให้จำไว้ว่าไม่มีการทำความดีใดเป็นเรื่องสูญเปล่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : วิภาดา กิตติโกวิท