มีพ่อลูกสองคนพักอาศัยอยู่ในชนบท วันหนึ่งจะเอาลาไปขายในเมือง สองคนพ่อลูกจึงได้ขี่ลาไปด้วยกัน เดินทางไปได้ระยะหนึ่งได้ยินคนข้างทางผ่านมาพูดว่า
“ดูดู๋ มนุษย์สองคนนั้นช่างมีน้ำใจ อำ ม หิ ต เ สี ย จ ริ ง ลาตัวนิดเดียวดันขึ้นไปขี่ตั้งสองคน” ช่างไม่มีน้ำใจ ส ง ส า ร สัตว์บ้างเลย สองพ่อลูกเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงให้ลูกขี่คนเดียว
ส่วนพ่อเดินจูงไป เมื่อเดินไปได้อีกระยะหนึ่ง ก็ได้ยินคนข้างทางผ่านมาพูดว่า “เด็กอะไรช่างใจดำเหลือเกินปล่อยให้คนแก่จูงอยู่ได้ เด็กควรเป็นคนจูงและให้คนแก่ขี่ถึงจะถูก”
สองพ่อลูกเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงให้ลูกลงเดินจูง ส่วนพ่อขึ้นไปขี่เองเมื่อเดินไปอีกพักหนึ่ง ก็ได้ยินคนที่ผ่านมาพูดว่า “ผู้ใหญ่หัวหงอกเสียเปล่า ช่างเอาเปรียบเด็กได้
ช่างไม่ละอายใจ ปล่อยให้เด็กเดินจูงอยู่ได้” ทั้งสองคนพ่อลูกคิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรดี พ่อขี่ลูกจูงเขาก็ว่า ลูกขี่พ่อจูงเขาก็ว่า
เ จ็ บ ใ จ นั ก อย่าขี่มันเลย สองพ่อลูก
จึงเดินจูงลาไปด้วยกัน เดินทางไปได้พักหนึ่ง ก็ได้ยินคนข้างทางที่ผ่านมาพูดขึ้นอีกว่า สองคนนี่ ช่ า ง โ ง่ จ ริ ง ๆ มีลาทั้งตัวไม่รู้จักขึ้นขี่มัน อย่างนี้แล้วสู้ช่วยแบกลาไป
ไม่ดีกว่า หรือ ผลที่สุดคือพ่อลูกสองคนช่วยกันแบกลาเข้าเมือง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บุคคลที่ทำอะไรไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง เที่ยวฟังคนโน้นที คนนี้พูดที มีลาทั้งตัวก็ไม่มีปัญญาขี่ต้องแบกลาเข้าเมือง
บทวิเคราะห์
1.อย่าให้การวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นมาทำให้เราขาดความมั่นใจ ในสิ่งที่เราทำ
2.ถ้าคิดว่าเราทำสิ่งที่ถูกและทุ่มเทให้งานดีแล้ว ก็น่าจะทำต่อไป
3.แต่ถ้าสิ่งที่เราทำมันไม่ดี ก็ควรหาแนวทางปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลงให้งานนั้นดีขึ้น
4.อย่าท้อแท้เพียงแค่คำพูดที่ไม่ดีบางคำ
5.“ถ้าเรามีใจ ใส่ใจ มีน้ำใจ เข้าใจ แบ่งใจ ใจดี ใจกว้าง ใจจดจ่อ ทุกอย่างจะออกมาดี ”
ขอขอบคุณ นัทธี สติปัญญาเข-ลา