พ่อแม่ส่วนใหญ่ เคยผ่านความลำบากมาก่อน จึงไม่อยากให้ลูกต้องพบเจอกับความลำบากเหมือนตัวเองเจอมา จึง
พ ย า ย า ม เลี้ยงลูกให้ได้รับ
ความสบายมากที่สุด อยากได้อะไรก็หาให้หมด จนทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ต้อง พ ย า ย า ม อะไรก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการมาแล้วซึ่งการเลี้ยงลูกแบบนี้ จะส่งผลใน ร ะ ย ะ ย า ว และ
กลายเป็นปัญหาให้ลูกเอง เมื่อเขาโตขึ้น เขาจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ กลายเป็น “โ ร ค ไม่รู้จักความลำบาก” ดังนั้นหากพ่อแม่รักลูกจริงๆ ต้องขี้เกียจใน 3 เรื่องนี้
1. ขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง
พ่อแม่ต้องขี้เกียจตามเก็บกวาด ให้ลูกทุกอย่าง ควรปล่อยให้เขารู้จักพึ่งพาตัวเองบ้าง บางสิ่งที่ลูกสามารถทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วยทุกครั้งไปเช่น
ห้องนอนลูกที่ดูไม่เป็นระเบียบ แค่เตือนให้เขารู้ตัวว่าต้องทำแต่ไม่ต้องไปทำให้ลูกเราควรจะเน้นไป ที่การสอนให้ลูกดูแลความสะอาด บริเวณพื้นที่ส่วนรวมของบ้าน เช่น
ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาห าร และเมื่อลูกเห็นว่าพื้นที่อื่นในบ้านสะอาดเขาจะรู้สึกว่า เขาต้องทำความสะอาดห้องนอนตัวเองให้สะอาดเหมือนกัน
ผลปรากฎว่า : เมื่อพ่อแม่ขี้เกียจช่วยเหลือลูก ในบางเรื่อง ส่งผลให้ลูกฝึกทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองมากขึ้น และเป็นการฝึกนิสัยพึ่งพาตัวเองมีความรับผิดชอบต่อสิ่งรอบตัวและ
จะทำให้ลูกมีความรับผิดชอบ ต่อตัวเองมากขึ้น เมื่อเขาโตไปจะกลายเป็นคนที่สามารถรับผิดชอบได้ดี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง
2. ขี้เกียจช่วยลูกทำการบ้าน
คุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่า ประสบการณ์ของตัวเองว่า.. เธอไม่เคยสอนหรือช่วยทำการบ้านให้ลูกของเธอเลย แม่จะบอกลูกแค่ว่า ให้ทำการบ้านเวลาไหน ควรทำเวลาไหน
แล้วก็ไล่ให้ลูกไปทำ พอทำเสร็จก็ค่อยบอกแม่ และเธอก็จะไม่ตรวจสอบว่าลูกทำถูกต้องหรือไม่เพราะการตรวจสอบนั้นมันเป็นหน้าที่ของลูก หรือให้รู้ว่าถูกผิดจากที่โรงเรียน
คุณแม่แค่เซ็นชื่อให้เท่านั้นเองช่วงแรกๆลูกของเธอก็แสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่า “ทำไมแม่ถึงขี้เกียจแบบนี้… แม่คนอื่นเขาช่วยตรวจการบ้านให้ลูกกันทั้งนั้น
“เธอจึงตอบลูกไปว่า“ ที่แม่ไม่ตรวจการบ้านลูก ไม่ใช่เพราะแม่ขี้เกียจหรอกนะ แต่ลูกลองคิดดูสิ !! ถ้าแม่ตรวจให้ แล้วลูกจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำผิดตรงไหนแล้ว ตอนสอบ
เวลาลูกทำผิด จะรู้ไหมว่าผิดตรงไหน ลูกต้องฝึกตรวจความถูกต้องด้วยตัวเองเรียนรู้ด้วยตัวเองเพราะในห้องสอบไม่มีใครช่วยลูกตรวจได้ “จำไว้นะลูกว่า…ตอนลูกอยู่ในโรงเรียน
ลูกจะได้รับบทเรียนก่อน แล้วถึงได้ทำข้อสอบ แต่สำหรับในโลกความจริง…ลูกจะต้องเจอบททดสอบก่อน ถึงจะได้บทเรียน!!การที่เธอขี้เกียจสอนการบ้าน หรือช่วยลูกทำการบ้าน
ทำให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มากที่สุด ลูกจะได้รู้จักพึ่งพาตัวเอง ก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ จากคนอื่นเสมอ หากคิดไม่ออกหรือทำไม่ได้ ค่อยมาขอคำแนะนำจากแม่ได้
ผลปรากฎว่า : สำหรับพ่อแม่ที่มีนิสัยขี้เกียจ ตีกรอบความคิดให้ลูก แต่ปล่อยให้ลูกคิดเองอย่างอิสระ หรือทำทุกอย่างด้วยการตัดสินใจของตัวเองได้อย่าง อิสระแต่ก็
ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังให้ความสนใจลูกและคอยดูอยู่ห่างๆ จะทำให้ลูสามารถเผชิญกับปัญหาได้ดีเขาจะมีภูมิคุ้มกัน มีปีกที่แข็งแรงพอ และอยู่ได้ด้วยตัวเองแม้วันหนึ่ง
คุณจะไม่ได้อยู่ปกป้องเขาแล้วก็ตาม
3. ขี้เกียจบ่น ให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ในหลายครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่ มักจะตั้งความหวังไปที่ลูกมากจนเกินไป จนทำให้ลูกอึดอัดและกดดัน กลายเป็นไม่สนใจและไม่อยากฟังสิ่งที่เราจะพูดแต่สำหรับครอบครัวนี้
เขากลับใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในการชวนลูกมาเล่นเกมและไม่ต้องทำการบ้านโดย คุณแม่จะถามว่า ” ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง…? “ลูกตอบว่า… ” ขอเล่นอีก 30 นาที
“แม่ตอบกลับไปว่า… ” โอเค ต้องรักษาคำพูดนะ “เมื่อถึงเวลา 30 นาที แม่เดินกลับมาดู และยังเห็นลูกเล่นเกมอยู่ คุณแม่ก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังสงบอารมณ์ได้และ
พูดกับลูกอย่างใจเย็นว่า ” ปกติลูกเป็นคนรักษาคำพูดไม่ใช่หรอ…? “เมื่อลูกได้ฟังคำพูดของแม่ ก็เริ่มรู้สึดผิดต่อสิ่งที่ทำและเดินไปปิดสวิทช์ และ รีบไปทำการบ้านทันที…!!
นี่เป็นสาเหตุมาจาก ” การเป็นคนน่าเชื่อถือ “ ของคุณแม่ท่านนี้ เพราะเวลาคุณแม่รับปากอะไรกับลูกไว้ เธอก็จะทำตามนั้นได้เป๊ะๆ ไม่เคยผิดคำพูดกับลูก เช่น จะพาลูกไปเที่ยว
จะ ซื้ อ ของเล่นให้เธอก็ทำตามคำพูดได้ทุกครั้งมันแสดงให้เห็นว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาคำพูดเป็นอย่างมาก เมื่อรับปากอะไรไว้ ก็ต้องทำให้ได้ และ
สอนลูกให้รู้จักรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง แล้วคำพูดก็เลยดูศักดิ์สิทธิ์
ผลปรากฎว่า : พ่อแม่ที่ไม่บ่นเรื่อนเปื่อย แต่ใช้วิธีปลูกฝังจิตสำนึกให้ลูกแทนใช้เหตุผล ในการคุยกับลูกมากกว่าอารมณ์ สอนให้ลูกรู้จักรักษาคำพูดของตัวเองและ
ทำตามที่พูดไว้อย่างเคร่งครัดทำให้ลูกให้ความสำคัญกับคำพูดมาก โดยที่เราไม่ต้องไปบ่นให้เขามากมาย เขาสามารถสำนึกและคิดได้เอง
ถ้าอยากให้ลูกช่วยเหลือ ตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติ
ถ้าอยากให้ลูก กล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น
ถ้าอยากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จักรักษาคำพูด
ถ้าอยากให้ลูกพูดเพราะ และมี ม า ร ย า ท ต้องทำให้ลูกเห็นทุกวัน
บางคนมัก จะรักลูกแบบผิดๆ ไม่อยากให้ลูกต้องลำบาก จึงไม่ยอมให้ลูกได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง จนลูกกลายเป็นคนที่ทำอะไรเองไม่เป็น ลูกมีหน้าที่เรียนก็เรียนอย่างเดียว
แต่ในชีวิตจริงความรู้ในตำราอย่างเดียวก็ใช้ไม่ได้ ต้องอาศัยประสบการณ์ชีวิตในการเอาตัวรอด ด้วยไม่ว่าคุณจะรวยแค่ไหน มีเงินเหลือมากพอที่จะทำให้ลูกสุขสบายไปทั้งชีวิต
แต่ถ้าไม่สอนให้เขาเติบโตได้เองอย่างเข็มแข็งเขาก็ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น..จงสอนให้เขารู้จักความลำบาก และเรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
เป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และต่อสังคมให้ได้
ขอขอบคุณ b i t c o r e t e c h.