1. เลิก “วิตกกังวลโดยไม่มีสาเหตุ”
จิตใจคนเราจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อ เราควบคุมระยะห่าง ระหว่างตัวเองกับสังคมและตัวเองกับคนรอบข้างได้
อย่างเหมาะสมและเข้าใจ หรือบางคนอาจมีความกังวัลมากจาก “ความไม่รู้” ก็เป็นได้
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำไม่ใช้การกังวล แต่เป็นการ “หาความรู้” เช่น การ อ่ า น หนังสือ
เพื่อเข้าใจและเท่าทันโลกมากขึ้น สิ่งนี้จะส่งผลให้เราเลิกกลัวหรือกังวลต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัว
2. เลิก “โยนความผิดให้คนอื่น”
สังคมญี่ปุ่น เชื่อในแนวคิดนึงว่า “การรับผิดชอบตัวเอง ไปซะทุกเรื่อง ไม่ใช่เรื่องดี
แต่หากคนเราไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วใครจะมารับผิดชอบ?
“ อิสรภาพนั้นเกิดจากการรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบสิ่งที่เราเลือกสิ่งที่เราทำในทุก ๆ
ก้าวของชีวิตเมื่อคิดเช่นนี้ เราจะคิดได้ว่าตัวเอง ควรทำอะไรมากขึ้น
คาดเดาอนาคตของตัวเองได้ และยังสามารถเตรียมความพร้อมกับความ เ สี่ ย ง ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
3. เลิก “ปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง”
หากเราไม่แสดงความรู้สึก ที่แท้จริง ออกไป ทางหลัก จิ ต วิ ท ย า แล้วอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงระยะห่าง
หรือพูดง่าย ๆ ก็คืออีกฝ่าย ก็จะคบหาเราโดยไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเช่นกัน
คนเราเปรียบเสมือน “กระจกเงา” หากเราต้องการเป็นที่ยอมรับ ของคนอื่น
เราต้องเป็นฝ่ายยอมรับ และให้ความสำคัญกับผู้อื่นก่อนด้วยความจริงใจ
4. เลิก “กลัวว่าจะถูก เ ก ลี ย ด ”
ความ เ ค รี ย ด ของคนเราส่วนใหญ่ เกิดจาก “ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล”
โดยเฉพาะกับคนที่เราเข้าใจยาก หรือไม่เข้าใจเขามากพอ
คนที่กลัวความโดดเดี่ยว จะคิดเรื่องไม่ทำให้ตัวเองถูก เ ก ลี ย ด เป็นอันดับแรก
โดยไม่มีเวลาทำความเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง หากเราสามารถเข้าใจเหตุผลของความรู้สึก
หรือพฤติกรรมของผู้อื่น เราจะรู้ได้ว่าควรปฏิบัติกับเขาอย่างไร
และยังทำให้ช่วยลดความกังวลในเรื่องของความสัมพันธ์ได้นั้นเอง
5. เลิก “ใส่ใจความเห็นคนอื่นมากเกินไป”
คนจำนวนไม่น้อย ที่ภายนอกดูชีวิตสวยหรู แต่เพราะอยากเป็นที่รัก ของทุกคน
จึงต้องคอยเกรงใจและเอาใจคนอื่นจนตัวเอง สุ ข ภ า พ จิตเสีย มัวทำตามคนรอบข้าง
เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอยู่คนเดียวหรือถูกกีดกันออกจากกลุ่มเราอาจจะไม่ต้องมีชีวิตที่สวยหรู
แต่การยืดอกเป็นตัวเองจะทำให้เรามั่นใจ ในตัวเองมากขึ้น จงมี “ค่านิยม”
ที่เรายึดถือแล้วเราจะแยกได้ว่าอะไรคือ สิ่งสำคัญและไม่สำคัญกับชีวิตเรา
ฟังเสียงคนรอบข้างได้ แต่อย่ามากเกินไปจนเราไม่มีความสุข
6. เลิก “ละทิ้งความฝันหรือเป้าหมาย”
“ความรู้สึกเชื่อมโยง” กับหัวใจตัวเอง หรือการเชื่อมโยงกับความฝันหรือเป้าหมายของเราเอง
จะทำให้ “เราไม่คิดว่าตัวเองโดดเดียว” หากเราอยู่กับสิ่งที่เราชอบเราจะไม่รู้สึกเหงาคนที่รู้สึกโดดเดี่ยว
จึงควรหาอะไรที่ช่วยให้ใจจดจ่อทำ ซึ่งการทำสิ่งที่ชอบเป็นวิธีที่ง่าย และได้ผลดีมาก ๆ
ยิ่งเราทำได้ดีมันก็จะส่งผล กับความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ดั้งนั้นจงอย่าละทิ้งความฝันและเป้าหมายของตนเอง!
7. เลิก “คิดมากจนไม่กล้าลงมือทำ”
คนที่ “คิดมาก” แท้จริงแล้ว คือคนที่ “ไม่ได้ใช้ความคิดมากนัก” เขาแค่ยึดติดกับเรื่อง ๆ
หนึ่งแล้ววนเวียน อยู่ในหัวตลอดเวลา เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถแก้ไขปัญหา
หรือหาหนทางอื่นได้ จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ลงมือทำอะไรเลยหากเรายอมรับความจริงอย่างตรงไปตรงมา
แล้วคิดว่า “แล้วต้องทำยังไงต่อ” เรื่องที่กลุ้มจะกลายเป็นโจทย์แทน
เมื่อเราค้นหาข้อมูลจะรู้ว่ามีตัวเลือก ในการแก้โจทย์นั้นอยู่
ไม่ว่าสถานการณ์อะไรมันก็จะมีทางแก้หรือทำให้ดีขึ้นได้เสมอ สิ่งที่สำคัญต่อมาคือ “การลงมือทำ” ให้สำเร็จนั้นเอง
8. เลิก “หนีปัญหาและมองโลกในแง่ ร้ า ย ”
แทนที่จะหนีปัญหาเราควรที่จะกล้า เผชิญหน้า กับมันตรง ๆ ปัญหาหลายอย่างเป็นเพียง
“มโนภาพ”เช่น การคิดว่าถ้าเรื่องนู้นเรื่องนี้ เกิดขึ้นจะเป็นยังไง? แล้วกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ปัญหานั้นอาจมี ดังนี้ แก้ได้จากการ “ถาม-ตอบกับตัวเอง”
โดยคำถามที่แนะนำ ให้ทุกคน ไปฝึกถาม-ตอบกับตัวเอง มี ดังนี้ทำไมถึงเกิดเหตุการนี้?
/ นี่เป็นเรื่องสำคัญใช่ไหม? / ทำยังไงให้มันดีขึ้น? / ทางออกคืออะไร? / เราต้องทำอะไรให้มันดีขึ้น?
คนจำนวนไม่น้อยที่เผลอคิดในแง่ ร้ า ย ไปก่อน แนะนำให้เผชิญหน้ากับตัวเองมากขึ้น
ฝึกฝนจนสามารถตีความสิ่งต่าง ๆ ในแง่บวกจนเป็นนิสัย มันจะทำให้เราก้าวผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเข้มแข็ง
9. เลิก “กลัวการทำอะไรคนเดียว“
คนที่กลัว การทำอะไรคนเดียว มักจะไม่รู้จักตัวเองดีพอ เพราะการอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา
ทำให้เราไม่มีเวลาสะท้อนตัวตน ของตัวเอง บางคนไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร? อยากทำอะไร?
หากเราใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเองจริง ๆ จะทำให้เรามีความั่นใจมากขึ้น
ยิ่งทำให้มองเห็นเส้นทางในชีวิตชัดเจนมากขึ้นไปด้วย มั ก ซิ ม ก อ ร์ กี นักเขียนชาวรัซเซียเคยกล่าวไว้ว่า
“ความเป็นอัจฉริยะ คือ การเชื่อมั่นในตัวเอง และความสามารถของตัวเอง”
10. เลิก “ยึดติดกับความคิดของตนเอง”
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ในอดีตล้วนมีความหมายและการเรียนรู้ จากเหตุการณ์นั้น
อาจแตกต่างกันตามกาลเวลา ในอดีตเราอาจจะเรียนรู้ จากเหตุการณ์นั้นอย่างนึง
แต่ในตอนนี้เรากลับไปย้อนมองดูอาจจะได้เรียนรู้ในมุมที่ต่างออกไปสิ่งที่อยากบอก
คือ อย่าปล่อยให้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียง เหตุการณ์นึงแล้วก็ผ่านไป
ให้ทำความเข้าใจ ประสบการณ์เหล่านั้น ให้มากขึ้นและเปลี่ยนมันให้เป็นแรง
ก้าวเดินต่อในอนาคตได้ ต้องอาศัยรู้แบบความเข้าใจใหม่ที่เราไม่เคยมีมาก่อน!
11. เลิก “กลัวความเปลี่ยนแปลง”
เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า ว่าความคิดตัวเองจะเปลี่ยนไปอย่างไร? หรืออะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต?
ดังนั้น การฟังเรื่องราวของผู้อื่นมาก ๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิตที่แตกต่าง
จากตนเองมากขึ้นการรับข้อมูลมากๆ จะทำให้เราปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี
สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ปริมาณข้อมูล” ที่เรารับมาแต่มันคือ “การปรับใช้”
กับตัวเองให้ได้ต่างหากจึงจะทำให้ข้อมูล เหล่านั้นเกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้น
จงฝึกฝนเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงและใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง
12. เลิก “หวังว่าคนอื่นจะทำให้เรามีความสุข”
คนที่พูดว่า “ทำไมไม่เข้าใจกันเลย” คือคนที่อยากให้อีกฝ่าย สังเกตเห็นความรู้สึกของตนเอง
แต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะ อ่ า น ใจใครได้ จึงทำให้เกิดความไม่ลงรอยกัน
เวลาเรานึกไม่พอใจว่าคนอื่นไม่เข้าใจเราให้เราลองมองย้อนตัวเองดูว่า
เราได้พยายามทำให้เขาเห็นมากพอ ที่จะเข้าใจเราหรือยัง จากนั้นให้คิดต่อว่า
ทำยังไง พูดยังไง เขาถึงจะเข้าใจเรา การคิดและทำเช่นนี้จะทำให้
ปัญหาหลายอย่างคลี่คลาย และรู้จักปรับตัวเข้าหากันไปเรื่อย ๆ
ที่มา : k r i t t a m a t em e d i u m