การทำสัญญาเงินกู้หรือการขอสินเชื่อตามสถาบันการเงินต่างๆ
ผู้ให้กู้ส่วนใหญ่มักต้องการบุคคลที่จะมาค้ำประกันการทำสัญญานั้นๆ
เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าหากลูกหนี้ผิดนัดชำระค่างวด
ผู้ค้ำประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระหนี้แทน
“ค้ำประกัน” คำธรรมดาๆ จึงพลิกชีวิตหลายใครหลายๆ คนให้กลายเป็นหนี้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
หรือเสียกัลยานมิตรเพราะเพลี่ยงพล้ำค้ำประกันให้คนรู้จัก
หรือญาติพี่น้อง แต่มีการผิดนัดชำระจนต้องแบกรับภาระหนี้แทน
ฉะนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเซ็นค้ำประกันให้ใคร จึงควรความเข้าใจ
กับสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการค้ำประกัน 10 ข้อ ที่ควรรู้ก่อนเป็น “ผู้ค้ำประกัน”
1. ควรดูรายละเอียดสัญญาให้แน่ชัดว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินหรือเงินซึ่งสามารถชำระหนี้ได้
2. สัญญาค้ำประกันต้องทำเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อของคู่สัญญา
3. ควร อ่ า น สัญญาทุกครั้งก่อนเซ็นค้ำประกัน และห้ามเซ็นสัญญา
ที่เขียนว่า “ให้ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดร่วมกับลูกหนี้”
4. ผู้ค้ำประกันจะรับผิดแทนลูกหนี้ ต่อเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ตามที่ตกลงในสัญญาเท่านั้น
5. หากเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ลูกหนี้เท่าไร ความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกันก็ลดลงเท่านั้นเช่นกัน
6. หากข้อตกลงในสัญญาเป็นภาระให้กับผู้ค้ำประกันเกินสมควร ข้อตกลงนั้นจะเป็นโมฆะ
7. ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ เมื่อยื่นขอชำระหนี้
ตามกำหนดเวลา แต่เจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมรับการชำระหนี้นั้น
8. ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ หากเจ้าหนี้ยอมขยายเวลาผ่อนหนี้แก่ลูกหนี้
9. ผู้ค้ำประกันไม่ต้องชำระดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน ค่าทวงถาม
หากเจ้าหนี้ไม่แจ้งเป็นหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ ภายใน 60 วัน นับแต่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้
10. หลังชำระหนี้แทนลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันมีสิทธิฟ้องลูกหนี้ตามวงเงินที่ชำระแทน พร้อมดอกเบี้ย และค่าเสียหายอื่นๆ
ดังนั้นก่อนที่จะ “เซ็นค้ำประกันสัญญา” ใดๆ ให้กับผู้อื่น จึงควรที่จะคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
ควรทำความเข้าใจถึงสิทธิ์ และผลผูกพันในการเซ็นสัญญาค้ำประกันให้กับผู้อื่น
ที่มา : b a n g k o k b i z n e w s