พ่อแม่ทุกคนจึง พ ย า ย า ม ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล และพูดแต่ สิ่งดีๆกับลูก โดยน้อยคนนักที่จะพูดจา ส บ ถ กับลูกซึ่งสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ มันคือสัญชาตญาณ
ของคนเป็นพ่อและแม่แน่นอน ดังนั้นลองมาดูกันว่า 10 คำพูดดีๆที่ลูกอยากได้ยินจากพ่อแม่นั้นมีอะไรกันบ้าง
1. ลูกเป็น “เด็กดี” ของพ่อกับแม่
พ่อแม่ทุกคน ควรทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อนว่า เด็กทุกคนอยากได้รับคำชมเชย และได้ยินคำยืนยันจากพ่อแม่อีกสักครั้งว่า เขาเป็นลูกที่ดีพอหรือไม่ดังนั้น
หากลูกเป็นเด็กดี มีน้ำใจ น่ารักกับทุกคนพ่อแม่ก็ควรชมเชยลูกบ้างว่า “ลูกเป็นเด็กดีของพ่อและแม่มาก เพราะการที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันจะทำให้ลูกเห็นคุณค่า
ในตัวเองมากขึ้น และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย
2.พ่อกับแม่ “ภูมิใจ” ในตัวลูกมากนะ
มันอาจมีบางอย่าง ที่ลูกทำให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจมากป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเป็นสุภาพบุรษ มีน้ำใจ หรือแสดงความสามารถพิเศษให้เห็นอยู่เสมอพ่อแม่ทุกคน
ควรลองนึกดูดีๆ ว่า จุดเด่นของลูกคืออะไรแล้วสิ่งใดที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขา ก็ใช้ช่วงเวลาดีๆ บอกให้ลูกได้รับรู้บ้างว่า “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน”
เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำนี้ มันจะเปลี่ยนเป็นพ ลั งและกำลังใจให้ลูกได้อย่างมหัศจรรย์ทีเดียว
3. พ่อกับแม่ “รัก” ลูกมากนะ
แน่นอนว่าลูกคือดวงใจของพ่อแม่ แต่การที่ละเลยคำพูดง่ายๆ และมีค่าขนาดนี้มันก็เป็นสิ่งผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่พอควร เพราะคนหลายคนไม่มีโอกาสที่จะบอกรักลูก
ในวินาทีสุดท้ายเลยด้วยซ้ำในทางกลับกันไม่ว่าจะเป็นลูก หรือ พ่อแม่ รวมไปถึงคนทุกคนก็ควรให้ความสำคัญกับความรัก และคำพูดไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่พ่อแม่จะไม่มีลูก
ให้บอกรัก หรือลูกบอกรักในวันที่สายเกินไปทั้งนี้อย่ามัวแต่แสดงความรักและเชื่อว่าลูกรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รักลูกมากแค่ไหนเพราะบางเวลาคำพูดก็สำคัญไม่แพ้การกระทำ
เช่นกัน ดังนั้นบอกรักลูกบ้างเขาจะได้รู้ว่าจริงๆแล้ว พ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน
4. พ่อกับแม่ “เชื่อมั่น” ในตัวลูกเสมอนะ
ช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างอาจเข้ามาจนพ่อแม่ตั้งตัวไม่ติด ลูกอาจสูญเสียความมั่นใจในการตัดสินใจหรือ
ลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งหากใครเคยเจอปัญหาลูกอยู่ในช่วงสับสนแบบนี้ ลองถามตัวเองดูว่า เคยสละเวลาบอกลูกบ้างหรือไม่ว่า “พ่อกับแม่เชื่อมั่นในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพ่อและแม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ”
5.พ่อกับแม่ “สนับสนุน” ลูกเสมอนะ
พ่อแม่ทุกคน ควรตระหนักอยู่เสมอว่า “ลูกไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ลูก” เพราะฉะนั้นอย่าเอาลูกไปเปรียบเทียบกับตัวเองสมัยเด็กๆ บางอย่างที่พ่อแม่ชอบ ลูกอาจไม่ชอบ
มุมมองที่ต่างกันถ้าไม่เข้าใจกันก็ทำให้มีปัญหากันได้ และถ้าหากเด็กบางคนถูกบังคับมากๆ ก็จะรู้สึกว่าเขาไม่มีความเป็นส่วนตัว ไร้อิสระ ท้อแท้ และไม่มีความมั่นใจ
ในตัวเองขณะที่บางคนโตมาในครอบครัวนัก ก ฎ ห ม า ย แต่ต้องการเป็นนักเขียนหรือบางคนมีความต้องการใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็นไม่ว่า เขาจะเลือกเป็นอย่างไร
หากสิ่งที่เขาตัดสินใจนั้น เป็นสิ่งที่ดีพ่อแม่ก็ควรสนับสนุนพวกเขา เพียงแค่บอกว่า “พ่อกับแม่ยังคงเข้าใจและสนับสนุนลูกทุกเมื่อ ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีและลูกต้องการ”
6. พ่อกับแม่ “ยอมรับ” ในสิ่งที่ลูกเป็น
เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นมากเท่าไหร่ เขายิ่งต้องการการยอมรับจากพ่อและแม่ มากขึ้นเท่านั้นในความเป็นจริงแล้วลูกมักจะ พ ย า ย า ม ทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อแม่ยอมรับในตัวเขา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจในความรักวัยเด็ก หรือการกระทำต่างๆ ที่ลูกอาจมีพฤติกรรม เ บี่ ย ง เ บ น แม้พ่อแม่จะอยู่คอยดูอยู่ห่างๆและการที่ลูกรู้ว่าพ่อแม่ยอมรับ
ในสิ่งที่ลูกเป็น และเลือกแล้วนั้นแสดงให้เห็นว่าพ่อแม่ ไม่ได้ละเลยแต่อย่างใด อีกทั้งยังคงรักและเข้าใจอยู่เสมอด้วย เพียงแค่พ่อแม่บอกกับลูกว่า “พ่อแม่เข้าใจและ
ยอมรับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็ตาม”
7. พ่อกับแม่ “ขอโทษ”
บางครั้งการขอโทษ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่จะพูด แล้วยิ่งคนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับความเป็นพ่อและแม่ค่อนข้างสูงดังนั้นหากพ่อแม่ทำผิด ก็จะคิดกันแต่
เพียงว่าพ่อแม่ไม่ควรที่จะขอโทษลูก ยิ่งคนเป็นพ่อด้วยแล้ว อาจจะยากขึ้นไปอีกที่จะกล่าวคำว่า “ขอโทษ” กับลูกอย่างไรก็ดีคำขอโทษจากพ่อแม่นั้น ลูกๆ เองก็ควรมีเหตุผล
และรู้จักบาปบุญคุณโทษด้วย เพราะลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเสียงหรือออกคำสั่งกับพ่อแม่ไม่ว่าจะประการใดก็ตามทั้งนี้ การที่พ่อแม่กล่าวคำขอโทษกับลูกเมื่อทำผิดพลาดนั้น
ไม่ได้หมายความว่าลูกจะดูถูกความเป็นพ่อเป็นแม่ในทางกลับกันการที่พ่อแม่ยอมรับ และกล้าขอโทษนั้น มันยังทำให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเองเพราะกล้าที่จะยอมรับ
ในสิ่งที่ทำลงไป อีกทั้งยังเคารพความรู้สึกของผู้อื่นด้วย
8. แม้เลิกกัน แต่ลูกไม่ต้องเลือกรัก
ข้อนี้จะดีสำหรับครอบครัว ที่พ่อแม่มีเหตุที่ต้องเลิกลากันไป ทำให้เด็กตกอยู่ในภาวะสับสน เลือกว่าจะต้องอยู่กับใคร ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาสับสน กับการเลือกฝั่งของ
พ่อและแม่แล้วลูกบางคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นอาจจะต้องเลือกด้วยว่าจะรักใครซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะกีดกันลูกไม่ให้เด็กพบอีกฝ่ายหนึ่งเช่นหากลูกอยู่กับแม่
แม่มักจะสอนให้รักแม่แต่ เ ก ลี ย ด พ่อ หรือหากอยู่กับพ่อก็ต้องรักพ่อและ เ ก ลี ย ด แ ม่ เป็นต้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่แม้ในที่สุดจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ควร
บังคับลูกให้รักใครคนใด คนหนึ่งเท่านั้นเพราะยังไงพ่อกับแม่ก็คือบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
9. ลูกคือ “คนสำคัญ” ของพ่อกับแม่นะ
จริงๆแล้ว ข้อนี้อาจเป็นคำที่สำคัญอันดับแรกๆ เสียด้วยซ้ำ เมื่อในความเป็นจริงแล้ว ลูก คือคนสำคัญและคนพิเศษสำหรับพ่อแม่แต่จะมีสักกี่ครั้งที่พ่อแม่ ได้บอกให้ลูกรับรู้
จากปาก ของพ่อแม่เองบ้าง เชื่อเถอะว่าหากได้พูดให้ลูกรู้ สิ่งที่จะได้กลับมานั้นมันย่อมมีค่ามหาศาลมากกว่าเป็นไหนๆเพราะนั่นคือสายใยความรักระหว่างพ่อ แม่ และ
ลูกทั้งนี้พ่อแม่ ทุกคนควรกอดลูกบ้างโดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น อย่าให้วัยที่เปลี่ยนไปมาทำให้ระยะห่างพ่อ แม่ ลูกห่างกันจนรู้สึกว่าการกอดนั้นเป็นเรื่องแปลก ดังนั้น
การกอดลูกแน่นๆและบอกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหนแม้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่มันจะเป็นความทรงจำที่คนเป็นพ่อ แม่ และลูกจะไม่มีวันลืมได้เลย
10. พ่อกับแม่ “ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”…นะลูก
บางครั้งพ่อแม่ อาจจะพูดอะไรบางอย่างที่ลูกฟังแล้วรู้สึกเสียใจกับคำพูดเหล่านั้น ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว พ่อแม่อาจพูดไปโดยที่ไม่ได้คิดว่าลูกจะเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไป
ดังนั้น หากพ่อแม่ทราบว่าลูกเสียใจกับสิ่งที่ๆ ได้พูดออกไป ก็ควรอธิบายให้เขาเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไรกันแน่ อย่าให้ลูกเข้าใจผิดๆ แต่ทางที่ดีก็ควรพูดจา
ให้ชัดเจนตั้งแต่แรกจะดีกว่า
ขอขอบคุณ p a t t a n a k i t.n e t