การเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างมีความสุขและเป็นคนดีในสังคมที่มีความหลากหลายไม่ใช่เรื่องง่าย หลายสิ่งหลายอย่างที่พ่อแม่พร่ำสอนให้เป็นคนดีอาจไม่มีค่า หากพ่อแม่ทำสิ่ง ๆ นั่นเสียเอง
การเป็น แบบอย่างที่ดี จึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรทำให้ลูกเห็นเพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกได้ซึมซับสิ่งดี ๆ เหล่านั้นไปเพราะการเรียนรู้ของเด็ก ไม่ได้มาจากการใช้หูฟังเพียงอย่างเดียว
เด็กทุกคนเรียนรู้จากการสังเกต การสัมผัส การได้ลองทำ ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการจะสอนสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ลูก การพูดหรือสอนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอให้ลูกจดจำ และ
นำไปใช้ได้ ดังนั้น การเป็น แบบอย่างที่ดี ให้ลูกเห็น จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ลักษณะนิสัยที่ดีจากการซึมซับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นอยู่เป็นประจำ จากการสังเกต และทำตามผู้ใหญ่ และ
10 แบบอย่างที่ดี ที่พ่อแม่ควรทำให้ลูกเห็นมี ดังนี้
1. รู้จักยอมรับผิด รู้จักขอโทษ และ พย าย ามปรับปรุงทำสิ่งที่ถูกต้อง
ผู้ใหญ่ก็ผิดพลาดได้ เราไม่ควรมองว่าลูกอายุน้อยกว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษลูก หรือการหาข้ออ้างในการกระทำผิดของตนจึงไม่ต้องขอโทษเพียงเพราะกลัวการทำผิดต่อหน้าลูก
เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลยค่ะ การขอโทษ นอกจากจะทำให้ลูกรับรู้ว่าการขอโทษไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย แต่เป็นสิ่งที่ควรภูมิใจต่อการยอมรับ รับผิดชอบ และปรับปรุงตนเองต่อไป และ
ยังทำให้ลูกได้รู้ว่าการทำผิดพลาดไม่ใช่จุดจบของชีวิตอีกด้วย
2.การปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยความสุภาพ
การถือหลักว่ามนุษย์ทุกคนควรปฏิบัติต่อกันด้วยความสุภาพ ไม่ว่าคนคนนั้นจะทำงานอะไร มีเชื้อชาติอะไร ทำงานแบบไหน ก็ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความสุภาพอย่างเท่าเทียมกัน
โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นเป็น แบบอย่างที่ดี แบบง่าย ๆ ในการพูดคุยกับพนักงานเสริฟ พนักงาน รั ก ษ า ความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น
อย่างสุภาพ ลูกก็จะเข้าใจในหลักการนี้ได้อย่างง่ายดาย
3. แสดงความรักต่อครอบครัว
แม้ในสังคมไทยที่ไม่นิยมแสดงความรักต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการกอด การหอม เพราะกลัวว่าลูกจะไม่เคารพ แต่การแสดงความรักต่อกัน ทั้งการแสดงความรักระหว่างคุณพ่อและคุณแม่ และ
การแสดงความรักต่อลูก นอกจากจะทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ยังช่วยปลูกฝังความคิดที่ดีในการกระทำต่อสถาบันครอบครัวของตนในอนาคตอีกด้วย
4. รั ก ษ า สัจจะและสัญญา
ไม่ว่าพ่อแม่จะสัญญาสิ่งใดไว้กับลูกก็ตาม ควรทำตามสัญญาที่ให้ไว้เสมอ แม้ว่าสิ่ง ๆ นั้นจะย ากแค่ไหนก็ตาม (ดังนั้นจึงไม่ควรให้ความหวังกับลูกโดยการสัญญาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้)
การ รั ก ษ า สัญญานี้ นอกจากจะทำให้ลูกมั่นใจในตัวพ่อแม่ว่าจะไม่ โก ห ก หรือไม่ทำในสิ่งที่สัญญาไว้แน่นอน ยังสอนให้ลูกรู้จัก
รั ก ษ า คำพูดของตน และจะพย าย ามทำสิ่งที่ตนได้สัญญาไว้จนสำเร็จ
5. เคารพในความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
ในชีวิตคู่ ไม่มีคู่รักคู่ไหนที่มีความคิดเห็นที่ตรงกันในทุก ๆ เรื่อง แน่นอนว่าจะต้องมีเรื่องที่แตกต่างและขัดแย้งกันอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะขัดแยังกันแค่ไหน ก็ควรเคารพความคิดเห็นของกันและกัน
ไม่ควรเอาชนะคะคานกันให้ได้ ควรหาจุดที่อยู่ตรงกลางเพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขนอกจากการเคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกันแล้ว การเคารพความคิดเห็นของลูก
ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน อย่ าเห็นว่าลูกเป็นเด็ก ความคิดความอ่ านอย่างไรก็ไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ จึงไม่นำความคิดเห็นของลูกมาประกอบการตัดสินใจใด ๆ ก็ตามในครอบครัว อย่ าลืมว่าความคิดของลูก
แม้จะไม่ได้ดีเท่าผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นความคิดที่อยู่ในมุมมองของเด็ก ซึ่งอาจเป็นความคิดที่ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ คาดไม่ถึงก็เป็นได้ การรับฟังและเคารพความคิดของลูกนั้น จะช่วยสร้างให้ลูกมีความมั่นใจ
ในการแสดงออกถึงความคิดความอ่ านของตนเองได้ในอนาคตอีกด้วย เพราะลูกจะรับรู้ว่าเมื่อลูกแสดงความคิดอะไรก็ตาม จะมีพ่อแม่คอยรับฟังเสมอ
6. ทำกิจก ร ร มร่วมกัน
แม้ว่าคุณพ่อและคุณแม่อาจจะมีสิ่งที่สนใจและงานอดิเรกที่แตกต่างกัน ก็ควรหาสิ่งที่สนใจคล้ายกันเพื่อหากิจก ร ร มที่ทำร่วมกันในครอบครัวได้ เช่น การออกกำลังกายร่วมกัน
การไปดูหนังฟังเพลงที่ชอบด้วยกัน สิ่ง ๆ นี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ที่ดีต่อชีวิตคู่เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อลูกๆ ด้วย เพราะจะทำให้ลูกรู้ว่า การแ ช ร์ความสุขร่วมกันกับคนที่ตัวเองรักนั้น
ช่วย รั ก ษ า ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวได้
7. ทำตามกฎระเบียบ และความรับผิดชอบ
ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมขนาดเล็กหรือสังคมขนาดใหญ่ ก็ล้วนมีกฏระเบียบแทบทั้งสิ้น แม้แต่ในโรงเรียนอนุบาลยังมีกฏระเบียบให้ปฏิบัติตาม การทำตามกฏระเบียบในสังคม และ
การทำสิ่งที่ตนรับผิดชอบ เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น จะช่วยสอนลูกให้รู้จักเคารพในสิทธิ์ของผู้อื่น ตัวอย่างง่าย ๆ ในการเคารพกฏระเบียบ เช่น การเข้าคิวต่าง ๆ หากคุณพ่อคุณแม่แทรงคิวให้ลูกเห็น
โดยคิดว่าเป็นเรื่องนิดหน่อย ใคร ๆ ก็ทำกัน สิ่งนี้จะทำให้ลูกซึมซับว่าเป็นสิ่งที่ถูก ใคร ๆ ก็ทำกัน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานในการทำ
ผิดกฏระเบียบที่ร้ า ยแรงยิ่งขึ้นไปอีกได้นอกจากการเป็นตัวอย่าง
ในการเคารพกฏระเบียบในสังคมแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างกฏระเบียบภายในบ้าน และแยกหน้าที่ในการรับผิดชอบในการดูแลบ้านไว้ให้ลูกด้วย เช่น เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจะต้องนำจานไปเก็บเสมอ
เมื่อใช้หรือเล่นสิ่งของที่อยู่ในบ้านเสร็จแล้วควรเก็บให้เข้าที่ เป็นต้น และควรมอบหมายหน้าที่ในการทำงานบ้านตามอายุของลูก เช่น หน้าที่เก็บของเล่น หน้าที่ล้างจาน หน้าที่ทำความสะอาดห้อง เป็นต้น
การสร้างกฏระเบียบและความรับผิดชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่ในบ้าน จะช่วยทำให้ลูกเห็นภาพรวมในการปฏิบัติตามกฏระเบียบของสังคมใหญ่ ๆ ได้ง่ายขึ้น
8. กล้าที่จะลองสิ่งใหม่ ๆ
การทำสิ่ง ๆ เดิมทุกวัน เพราะสิ่งนั้นสบายกว่า ปลอดภัยกว่า วุ่นวายน้อยกว่า อาจทำให้เกิดความรู้สึกซ้ำซากจำเจ และ บั่ นท อนความอย ากลองในการทำสิ่งใหม่ ๆ พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดี
ในการพบปะผู้คนใหม่ ๆ ประสบการณ์ในกิจก ร ร มใหม่ ๆ และ อย ากทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ ความล้มเหลว และ วิธีการเอาชนะสิ่งที่เคยกลัว ล้วนแต่เป็น
ส า ร ะสำคัญที่ทำให้ลูกได้เติบโตและเรียนรู้ในอนาคต
9. รั ก ษ า ความสะอาด
การ รั ก ษ า ความสะอาด เป็นพื้นฐานที่ควรปฏิบัติตั้งแต่ในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการ รั ก ษ า ความสะอาดร่ างก าย การ รั ก ษ า ความสะอาดบ้าน การทานอา ห ารอย่างถูกสุขอนามัย
จะช่วยปลูกฝังให้ลูกรู้จักวางตัวในสังคมได้อย่างถูกต้อง
10. รู้จักกาละเทศะ
การทำให้ลูกเห็นถึงความแตกต่างในการแสดงออกทั้งการพูดจา การแต่งตัว การกระทำ กับผู้ใหญ่ เพื่อน และบุคคลอื่น ๆ จะทำให้ลูกได้รับรู้ว่าควรแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน
กับผู้ที่มีอายุมากกว่า ควรแต่งตัวให้ถูกกับสถานที่เพื่อเคารพสถานที่นั้น ๆ เป็นสิ่งที่ควรกระทำ
ขอขอบคุณ amarinbabyandkids