จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีสูตรลับที่จะบอกได้นะครับ ว่าเราจะต้องหาเงินให้ได้เท่าไหร่ ถึงจะสามารถปลอดหนี้ที่เรามีได้ทั้งหมดคนเรามีค่ากิน ค่าใช้มากมายระหว่างวัน
ระหว่างเดือน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่จะใช้หนี้หมด แต่อย่าห่วงไป เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัฎจักรของสิ่งที่เรียกว่า “เงิน” กันก่อนเงินมีอยู่ 3 ช่วง ดังนี้
1. เงินในอดีต – หนี้สินที่เราก่อเอาไว้ในอดีต
2. เงินในปัจจุบัน – รายได้ที่เราสร้างในปัจจุบัน
3. เงินในอนาคต – เงินที่เราจะออมเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ความมั่นคงให้แก่ชีวิตต่อไปในอนาคต
ความเข้าใจง่าย ๆ คือ หากเราสร้างหนี้เอาไว้เยอะ เท่ากับว่าเราจะต้องเอาเงินในปัจจุบันไปจ่ายคืนหนี้สินเยอะขึ้นและจะมีเงินที่เราสามารถนำไปเก็บออมเพื่ออนาคตของเรา
ได้น้อยลงแล้วจะทำอย่างไร เราถึงจะสามารถกำจัดเงินในอดีตของเราให้หายไปได้โดยเร็ว? ไม่ ยากครับ เรามาดู 6 สเต็ปการปลดหนี้แบบเท่ ๆ กันครับ
1. สำรวจตัวเอง
สิ่งสำคัญ ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรลงไป ก็คือการวางแผนให้ดีเสียก่อน ดังนั้น สิ่งแรกที่เราควรทำก็คือ การสำรวจตัวเองว่าเรามีหนี้สินอะไร กับใคร เท่าไหร่บ้าง
แล้วนำมารวบรวมกันเพื่อให้เราเห็นภาพรวมได้ ว่าหนี้สินทั้งหมด รวมต้น รวมดอกเบี้ย จะเป็นเงินเท่าไหร่ แต่เห็นตัวเลขแล้วอย่าเพิ่งท้อนะครับ ไม่เป็นไรครับ ตัวเลข
อาจจะดูเยอะจริง แต่เราสามารถจัดการบริหารหนี้ได้ครับอีกอย่างที่ควรสำรวจ คือ เราเป็นหนี้เพราะอะไรนั่นเองครับหากเราทราบต้นตอ ว่าเราเพิ่งใช้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต
เป็นครั้งแรกแล้วยังคำนวณเงินต้นดอกเบี้ย ผิดวิธีก็สามารถปรับเปลี่ยนเรียนรู้กันไปได้ครับ
2. วางแผนการปลดหนี้
จัดลำดับจากเจ้าหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุด ไปยังเจ้าหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุด เมื่อได้แล้ว ให้จัดเวลาเข้าไปติดต่อพูดคุยกับเจ้าหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดเพื่อขอต่อรองเรื่อง
ระยะเวลาการชำระเงิน ส่วนมากแล้วเรามักจะคิดว่าเราไม่สามารถขอผ่ อนผันหนี้จากสถาบันการเงิน หรือธนาคารได้ แต่จริง ๆ แล้วหากเราติดต่อกับทางสถาบันการเงิน
เพื่อแจ้งรายละเอียดสถานการณ์ของคุณโดยคุณต้องการชำระหนี้สินทั้งหมด แต่ว่าคุณไม่สามารถชำระเงินตามที่สถาบันกำหนดไว้ได้และต้องการความช่วยเหลือ
สถาบันการเงินยังไงก็ต้องการให้เราใช้หนี้ให้หมดครับ ยังไงก็ดีกว่าการมีหนี้เสีย ดังนั้นคุณสามารถขอผ่ อนผันต่อรองจำนวนชำระรายเดือนและยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปนั่นเองครับ
3. ลงมือทำตามแผนที่วางไว้
หากเราวางแผนเอาไว้แล้วเราไม่ทำตาม สิ่งที่เราตั้งใจวางแผนเอาไว้ก็จะไม่เกิดผลจริงไหมครับ ดังนั้น อย่าให้แผนการอยู่แต่บนแผ่นกระดาษนะครับดังนั้นเมื่อเราอุตส่าห์
วางแผนแล้วดึงแผนการออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์นะครับ เพียงแค่นี้ การปลดหนี้ทางการเงินของเราก็ง่ายขึ้นเยอะแล้วครับแถมยังจะสามารถปลดหนี้ได้รวดเร็วกว่าการไม่วางแผนด้วยครับ
4. ปลดหนี้ ต้องมีตัวช่วย
ในเมื่อเราจะต้องปลดหนี้ การเพิ่มช่องทางรายรับ และลดประมาณรายจ่ายลงเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งเราหาเงินมาปลดหนี้ได้เยอะ ก็สามารถกำจัดหนี้สินได้เร็วขึ้นด้วยครับ
ไม่ว่าจะเป็นการหารายได้เสริมโดยการทำงานพิเศษหรือการทำงานล่วงเวลาเมื่อจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตาม การหารายได้เพิ่มเติมนั้นเป็นตัวช่วยที่สำคัญทีเดียวครับ
นอกจากนั้นแล้วเรายังจะต้องรู้จักประหยัดค่าใช้จ่ายวิธีการจำกัด หรือลดค่าใช้จ่ายก็มีวิธีการง่าย ๆ คือ จดรายรับรายจ่ายของเราทั้งหมดนั่นเองครับพอเราเห็นตัวเลขแล้วเราก็
จะทราบว่าเราใช้อะไรที่เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย และมีอะไรบ้างที่เราสามารถลด ละ เลิกได้นั่นเองครับ
5. ใช้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต อย่างมีวินัย
อีกวิธีที่เราสามารถช่วยลดหนี้ของเราได้ก็คือ ใช้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต กับการ ซื้ อ ของทั่วไปอย่างมีวินัยนั่นเองครับ คือ ยับยั้งชั่งใจก่อนใช้ควรกำหนดงบต่อเดือนแล้วจ่าย
ให้ครบตามที่รูดไป อย่าลืมทำบัญชีรายจ่าย บั ต ร เ ค ร ดิ ต ด้วยนะครับ แต่คุณจะดูเท่สุด ๆ เวลาจ่ายด้วยเงินสดนะครับ
6. สร้างวินัยในการออมเงินเพื่ออนาคตที่ไม่มีหนี้
หลายท่านอาจจะคิดว่า คนกำลังปลดหนี้ แล้วจะให้ออมเงินได้อย่างไร จริง ๆ แล้วทำได้ไม่ยากเลยครับเรามาดูวิธีการรัดเข็มขัด พร้อมแบ่งเงินออมระหว่างปลดหนี้กันครับ
วิธีการสร้างวินัยในการออมเงินก็ไม่ยากเลยครับ คือ จ่ายให้ตัวเองก่อนจ่ายที่อื่น อาจจะกำหนด 10% หรือ 5% เงินเดือนเข้า 15,000ก็เก็บเงิน 1,500 เข้าบัญชีเงินออม
ไปก่อนเลยครับที่เหลือเราก็มาบริหารกันให้ใช้ได้พอดีทุก ๆ เดือน แบบนี้แม้ว่าจะไม่ได้เก็บเดือนละเยอะ ๆแต่นานเข้าเราก็สามารถมีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำได้นะครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มที่การสร้างนิสัยการออมที่ดีครับเพื่อที่หนี้จะได้ไม่มาถามหาเราอีกนั่นเองครับที่สุดนี้ สิ่งที่ดีที่สุด คือ การรู้จักบริหารเงินที่เรามี และประมาณตนเองนะครับ
หากเรามี บั ต ร เ ค ร ดิ ต แต่เราบริหารเงินเป็นเราก็สามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักใช้ประโยชน์จากการมี
บั ต ร เ ค ร ดิ ต แทนที่จะเป็นการสร้างหนี้
ที่ทำให้เราต้อง ป ว ด หั ว อีกนั่นเองครับ
ที่มา : k r u n g s r i