1. จงเป็นทั้งคนเก่งและคนดี
ไม่มีองค์กรไหน เจ้านายคนไหน หรือหัวหน้างานคนไหน ไม่ชอบคนเก่ง คนขยัน ตั้งใจทำงาน คนแบบนี้คือคนที่ใคร ๆ ก็ต้องการ
เพราะไม่ใช่แค่การันตีได้ว่างานจะออกมาดีและเกิดประสิทธิสูงสุด แต่ใคร ๆ ก็แฮปปี้ที่จะได้ร่วมงานด้วยอีกต่างหากอย่าลืมว่านี่คือที่ทำงาน
การตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการเป็นคนดี ขยัน ซื่อสัตย์ต่อองค์กร ยังไงก็เอาตัวรอดในองค์กรได้เสมอ
2. เลิกสนคน แต่ให้โฟกัสที่งาน
เรื่องจริงก็คือไม่มีใครทำงานโดยก้มหน้าก้มตาทำแต่งานอย่างเดียว โดยไม่สนคนที่ร่วมงานด้วยได้ และส่วนใหญ่ที่มาของปัญหาแทบจะทุกองค์กร
ก็มักมาจากคนด้วยทั้งนั้น เจ้านายบ้าง เพื่อนในทีมบ้าง คนที่ต้องประสานงานด้วยบ้าง เรียกว่า ส า ร พั ด เรื่องของคนที่ทำให้เป็นปัญหามากกว่างานเสียอีก
เพราะฉะนั้นถ้ามันมีปัญหามากนัก ก็เลิกสนใจไปเลย โฟกัสอยู่แต่กับงาน และเฉพาะกับคนที่ต้องร่วมงานด้วยเท่านั้น การพูดคุยกันเฉพาะเรื่องงาน
หรือเรื่องที่เกี่ยวกับงานก็จะทำให้เกิดปัญหาน้อยลง ซึ่งตัวช่วยที่ดีที่สุดก็คือการวางตัวเป็นมืออาชีพ ทำงานอย่างเต็มที่ วิธีนี้จะทำให้คนอื่นมายุ่งกับคุณน้อยลง
แถมยังทำให้ตัวงานดีขึ้นมีโอกาสที่จะ ข ยั บ ข ย า ย ปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วย
3. เป็นแค่คนที่ทำงานกันก็พอ
ว่ากันว่าถ้าไม่อยากมีปัญหาในที่ทำงาน จงอย่าเขยิบความสัมพันธ์ของ “คนที่ทำงาน” ขึ้นมาเป็น “เพื่อน” อย่างเด็ดขาด
เราสามารถเป็นมิตรกับทุกคนได้ พูดคุยเฮฮาได้เป็นปกติ แต่ไม่จำเป็นต้องมี Relationship จริงจังกับคนที่ทำงาน
เพราะความเป็นเพื่อนอาจกระทบกับงาน อีกทั้งความคาดหวังจากเพื่อนก็ย่อมมีมากกว่าคนที่ทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอะไรเกิดขึ้น
เราจะตัดปัญหาออกไปได้อย่างง่ายดาย เพราะทุกคนคือคนที่ทำงาน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่ต้องดูแล เทคแคร์กันเป็นพิเศษ
อย่าลืมว่าเราทุกคนมาทำงาน จุดโฟกัสเดียวที่ควรจะมีในที่ทำงานก็คืองาน แต่นอกเหนือจากนั้น ถ้าบังเอิญเจอคนดี
เป็นมิตรพอที่จะขยับความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันได้ก็ถือว่าโชคดี
4. ฟังให้มากกว่าพูด
ไม่ใช่ในเฉพาะที่ทำงานอย่างเดียวที่เราควรจะฟังมากกว่าพูด แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน คนเราก็ควรจะฟังมากกว่าพูด
ยิ่งถ้าไม่ใช่หน้าที่เราต้องเป็นคนพูดหรือนำเสนออะไรก็ตาม จงหยุดพูดแล้วฟัง วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คนเราเปิดปาก เราจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ที่สำคัญยิ่งพูดมาก ปัญหาก็ยิ่งมาก
5. อยู่ให้เป็น
เดี๋ยวนี้คำว่า “อยู่เป็น” ใช้ได้กับทุกที่ โดยเฉพาะในที่ทำงาน คนอยู่เป็นคือคนที่เอาตัวรอดได้ดีที่สุด ไม่ว่าหัวหน้าจะต้องการอะไร
เพื่อนร่วมงานจะว่ายังไง คนอยู่เป็นมักพร้อมเป็นคนแรก ๆ ที่จะขานรับหรือเออออห่อหมกไปเค้าด้วยเสมอ ซึ่งคนแบบนี้มักเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย
ทำให้ทำงานได้อย่างแฮปปี้ไร้ปัญหาเพราะไม่ค่อยขัดผลประโยชน์กับใครใครที่สามารถอยู่ให้เป็นแบบนี้ได้ ก็นับว่าเอาตัวรอดได้ดี
เพราะไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร คนอยู่เป็นมักรอดพ้นไปได้อย่างสบายกว่าคนอื่น ไม่ใช่ว่าเค้าลื่นไหลจนได้ดี แต่เค้าเป็นคนเอาตัวรอด
และปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ต่างหาก และถ้าคุณไม่ใช่คนอยู่เป็น แต่บังเอิญต้องเข้าไปอยู่ในวงวนของปัญหาในที่ทำงานก็ลองทำตัวอยู่ให้เป็น
ลอยตัวเหนือปัญหาดูบ้างก็ไม่น่าจะเป็นไร
6. รู้จักหาโอกาสให้ตัวเองบ้าง
เชื่อเหลือเกินว่าในโลกนี้ยังมีคนทำงานที่ทุ่มเท ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ แต่ไม่เคยแสดงออก หรืออวดผลงานของตัวเองออกมาเลย
โลกของการทำงานคนแบบนี้มักถูกลืมถูกเก็บไว้เป็นลำดับท้าย ๆ ของความสำคัญ ถามว่าทำงานไหม ก็ทำ แต่ไม่มีใครเห็น และคนแบบนี้แหละที่จะเอาตัวไม่รอดในที่ทำงาน
อาจจะเก็บกดเพราะโดนขโมยผลงานเห็นคนอื่นเลียแข้งเลียขาเจ้านายจนได้ดี แต่ตัวเองก็ทำแบบนั้นไม่ได้เอาจริง ๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับแทบทุกองค์กร
แถมยังโทษใครก็ไม่ได้ด้วยเพราะเราเองที่ไม่รู้จักพรีเซนต์ออกมา ถ้าไม่พูดใครเค้าจะรู้ การบอกว่าตัวเองทำอะไรไม่ใช่เรื่องแปลก
เมื่อทำแล้วก็ต้องพูด รู้จักแสดงผลงานของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน จนไม่มีใครเห็นเพราะในโลกของการทำงาน
การพรีเซนต์และการพูดในสิ่งที่ตัวเองทำ คือเรื่องพื้นฐานที่สุด จงโชว์ศักยภาพที่ตัวเองมี เพื่อเอาตัวรอดในที่ทำงานให้ได้
7. วางตัวให้เหมาะสม
การวางตัวในที่ทำงานถือว่าสำคัญมาก เพราะหากเราอยากให้ใครปฏิบัติกับเราแบบไหน เราก็ควรปฏิบัติกับคนอื่นแบบนั้น ทฤษฎีนี้ยังคงสามารถนำมาใช้ได้ตลอด
โดยเฉพาะในที่ทำงาน ถ้าเราอยากให้คนที่ทำงานพูดคุยกับเราอย่างเป็นมิตร ไม่จิกกัด ไม่ดูถูก เราก็ต้องปฏิบัติกับเค้าแบบนั้นการวางตัวที่เหมาะสม
รู้กาลเทศะ รู้จัก ม า ร ย า ทในที่ทำงาน ช่วยลดการกระทบกระทั่งกับคนอื่นได้ไม่มากก็น้อย ยิ่งในสังคมตอนนี้
คนเราไม่ค่อยเคารพซึ่งกันกัน ถ้าเราวางตัวดี ความสัมพันธ์ในที่ทำงานก็จะดี ส่งผลให้ปัญหาต่าง ๆ ในที่ทำงานน้อยลงตามไปด้วย
8. ชีวิตก็เป็นของเรา ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน
ทั้งหมดทั้งมวล ถ้าทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ทั้งงาน ทั้งคน ทั้งองค์กรไม่ได้ตอบโจทย์เราสักนิด ฝืนทำต่อไปก็มีแต่ความ
เ ค รี ย ด ตื่นขึ้นทุกเช้า แทบไม่อยากออกจากบ้าน
การไปทำงานเหมือนการไปโรง ฆ่ า สั ต ว์ ที่ต้องนั่งทำใจอยู่นานสองนาน ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกวัน ให้เลิกยื้อหรือปรับตัวได้แล้ว
เพราะมันมาสุดทางของมันได้แค่นี้
ชีวิตเป็นของเรา ไม่จำเป็นต้องเอาความสุขหรือ พ ลั ง ทั้งหมดมาทุ่มเทกับงานที่รังแต่จะทำให้เสีย สุ ข ภ า พ จิ ต
คนเราไม่ได้มีเวลาทั้งชีวิตจะมานั่งอดทนแล้วอดทนอีกจนกว่าใครสักคนจะทนไม่ไหว เราทุกคนมีทางเลือก และมีสิทธิ์เลือก ยังไม่สายที่จะหาหนทางอื่นให้เดินไป
ขอแค่มั่นใจ ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ สักวันเราจะหาที่ที่เหมาะกับเราได้เอง จงอย่าเหนี่ยวรั้งตัวเองเอาไว้ด้วยคำว่า “ต้องอดทน”
เพราะการทนไม่ได้แปลว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป เมื่อไม่ทนอีกต่อไป เราจะพบว่าไม่ได้มีทางแค่เส้นเดียว
ที่มุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จ
ขอขอบคุณ the1