Home ข้อคิดชีวิต 8 อย่างที่คนทำงานประจำต้องเจอ รู้ไว้ตอนนี้..ดีกว่าเสียใจที่ได้รู้ตอนแก่

8 อย่างที่คนทำงานประจำต้องเจอ รู้ไว้ตอนนี้..ดีกว่าเสียใจที่ได้รู้ตอนแก่

5 second read
0
0
172

1. อย่าเป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกออนไลน์

หลายคนเชื่อว่าโลกออนไลน์เป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโพสต์อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่รู้รึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกจากจะดู resume เราแล้ว ยังดู เ ฟ ส ของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR

ยืนยันมาว่าหน้า เ ฟ ส บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า สิ่งที่เราโพสลงบนโลกออนไลน์ของเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก

เมื่อเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง หรือถ้าอยากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆ แนะนำให้แยก เ ฟ ส ที่ทำงาน กับ เ ฟ ส ส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณะด้วย

ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน เ ก ลี ย ด คนนั้น เบื่องาน หัวหน้างี่เง่า ห้ามโพสต์เด็ดขาด โพสต์ปุ้บมีคนแคปไปฟ้องแน่นอน

2. จงเป็น “ลูกจ้างมืออาชีพ”

ถ้าอยากเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ประสบความสำเร็จและมีความสุข จงเป็น “ลูกจ้างมืออาชีพ” ให้ได้ ลูกจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ตระหนักได้ว่า “เราถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง”

นั่นหมายความว่าบริษัทเค้าต้องการอะไรบางอย่างจากเราแลกกับค่าตอบแทนนั้นๆ เราต้องรู้ว่าบริษัทจ้างเรามาทำอะไร และทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังหากต้องการ

ความก้าวหน้าในหน้าที่หากงานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป ควรจะหางานที่เราทำแล้วเรามีความสุขและทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพ

ของตัวเองออกมาให้มากที่สุดนอกจากจะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังทำให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย แต่ก็ไม่ได้จะเชียร์ให้เป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะ

อดทนทำไปจนถึงจุดหนึ่งเราจะรู้เองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ใช่ให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก

จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าในที่สุดเราเจอสายอาชีพที่เรารักและอยากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากและ ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน “เราถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง”

อย่าทำงานหนักเกินกว่าค่าตอบแทนจนเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ต้องมีผลลัพธ์ที่ดีตามออกมาด้วย เช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดีหาเวลาอยู่กับพ่อแม่ ญาติๆ บ้าง หันกลับไป

มองข้างหลังบ้างว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ตอนนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้างนะ? อย่าลืมว่าพ่อแม่แก่ลงทุกวัน ดูแล สุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเดือนไหนมีเงินเหลือก็

ตรวจ สุ ข ภ า พ ให้ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ลำบากหรอก แลกกับความสุขของพ่อแม่

3. มีแฟนในที่ทำงานได้แต่ต้องยอมรับผลที่ตามมา

ถ้าคุณเป็นคนที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก แนะนำว่าอย่ามีแฟนในที่ทำงาน ไม่ได้บอกว่าไม่ควรคบคนในที่ทำงาน แต่ถ้าคบแล้วก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้

อาจต้องเจอเหตุการณ์เช่นทะเลาะกับแฟนมาแล้วต้องมาคุยงานกัน มีใครบ้างแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากงานได้ 100% บ้าง ถ้าไม่ต้องเจอหน้ากันทุกวันหรือ

ทำงานใกล้ชิดก็ยังพอโอเค แต่ถ้าทีมเดียวกันอาจจะเหนื่อยหน่อย ทะเลาะกันขึ้นมาเมื่อไหร่รู้ทีค่อนบริษัท

4. หาคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานให้เจอ

ความแตกต่างระหว่าง “เพื่อน” กับ “เพื่อนร่วมงาน” คืออะไร…? ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนยากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ยากเท่าสมัยมัธยม และ

การหาเพื่อนในสมัยมัธยมก็ไม่อยากเท่าตอนเข้าม ห า วิ ท ย า ลั ย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อนยากขึ้นเท่านั้น และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่จริงใจ

คนนึงในออฟฟิศมันยากแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราคือไปทำงาน

ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อน ดังนั้นวันๆ เราจึงจะเจอแค่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบนี้

เราคิดว่ามันคือกำไรชีวิต พ ย า ย า ม หาคนเหล่านี้ให้เจอในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอยากไปทำงานมากขึ้น ให้เราลองถามตัวเองว่า “ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะ

อยากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม…?” ถ้าคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนจริงๆ ในที่ทำงานแล้วววว

5. สนใจแต่อย่าใส่ใจลู่วิ่งคนอื่น โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา

เมื่อทำงานไปนานๆ เราอาจเห็นเพื่อนๆในที่ทำงานของเราหลายคนเริ่ม ออกไปเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานไปงานที่เงินเดือนสูงสุดๆ บางคนเริ่มธุรกิจ

ของตัวเองไอคนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดีแล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ จงจำไว้ว่าอย่าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเด็ดขาด โฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไรรู้ว่า

ปลายทางเราต้องการอะไร รู้ว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นบ้างเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงผลักดันตัวเองให้ พ ย า ย า ม มากขึ้น

แต่อย่าเอามาเปรียบเทียบจนทำให้ตัวเองทุกข์

6. เล่นการเมืองกับทุกคน

เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้หมายความว่าให้เราไม่จริงใจกับใคร แต่การเล่นการเมืองกับทุกคนคือ.. การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่างไร ไม่ได้บอกว่า

ให้สตอเบอร์รี่ หรือฝืนตัวเองมากๆ นะ แต่แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ “อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร”

ได้อย่างไรจะทำให้เราได้เปรียบมากๆ นอกจากวางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มี ศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆ ทักทายสวัสดี

ตาม ม า ร ย า ท ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย… เราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับใคร เพราะฉะนั้น อย่าสร้างศั ต รู เด็ดขาด…!!!

7. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุเรายังน้อยนี่คือข้อได้เปรียบสุด เพราะ อายุยังน้อยความคาดหวังจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ทำอะไรผิดก็มักมีคนให้อภัยเสมอ ถึงแม้ว่าเราจะ

รู้สึกกดดันในการทำงานสุดๆ แต่เชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 ถึงวันนั้นจะไม่มีคนคุ้มกะลาหัวเราด้วยซ้ำ

8. เราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่างเดียว

เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุกวัน หลายครั้งที่เรากลับไปบ้านแล้วอยากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าเรามีเป้าหมายอื่นๆ ในชีวิต เช่น เก็บเงินซื้ อ บ้าน ซื้ อ รถ เที่ยวรอบโลก

การเปลี่ยนมาทำเรื่องที่เราชอบจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น และเพิ่มความมั่นใจ เพราะการเฟลจากที่ทำงานส่วนมากมักทำให้เราเสียกำลังใจและขาดความมั่นใจในตนเอง

สำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และอีกมากมาย ยกตัวอย่าง เรามีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก จริงจังขนาดลง ค อ ร์ ส เรียนเส า ร์อาทิตย์

ตอนนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย ตั้งใจทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่หาอย่างอื่นทำบ้างชีวิตจะได้ไม่เฉาคาที่ทำงาน

ที่มา : bitcoretech

Load More Related Articles
Load More By Stay
Load More In ข้อคิดชีวิต

Check Also

นิสัย 9 ข้อไม่ควรมี ถ้าจะเป็นเถ้าแก่เงินล้าน

การจะทําธุรกิจซักอย่างหนึ่งให้ประสบความสําเร็จให้ได้นั้นคุณต้องวางแผนการอย่างรัดกุม ยิ่งถ้…