ลีกาชิง มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยรองอันดับหนึ่งของเอเชียมานานปี ถูกตั้งฉาย าว่าเป็น “มังกรแห่งฮ่องกง” และยังเป็นคนที่ใจบุญบ ริจ าคเงินเพื่อการกุศลเป็นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ
แต่จุดเริ่มต้นของลีกาชิง มาจากครอบครัวที่ย ากจน และเขาต้องหาเลี้ยงครอบครัวด้วยวัยเพียง 15 ปี ด้วยความขยัน และอดทน จนทำให้เขาประสบความสำเร็จเราจึงได้นำวิธีการสอนลูกของ ลีกาชิง
เศรษฐีอับดับ 1 ของฮ่องกง มาเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ได้อ่ า น ไว้เป็นบทเรียนในการสอนลูกต่อไป
1. หน้าที่ของพ่อแม่คือ สอนลูกให้เป็นคนดี
ลีกาชิงนั้น เกิดในครอบครัวที่ย ากจน เขาไม่มีโอกาสได้เรียนจบแม้แต่ชั้นประถม เขาจึงต้องพย าย ามที่จะศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่ างยิ่งภาษาต่างประเทศ ถึงแม้จะงานยุ่งแค่ไหน
เขาก็ต้องหาความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเองลีบอกว่า การศึกษาต้องสอนให้รู้จักหลักการการเป็นคนดีเสียก่อน แม้จะเติบโตไปแล้วก็ต้องสอนที่เหลือค่อยสอนการทำการค้า เขามักจะสอนลูกๆเสมอว่า
ต้องนึกถึงคนอื่นด้วย อย่ าเห็นแก่ได้อยู่ฝ่ายเดียวเขาสอนลูกๆว่า คนที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องขยัน ซื่อสัตย์ และรั ก ษ า คำพูด
2. เลี้ยงลูกแบบติดดิน พาขึ้นรถสาธารณะ
ถึงแม้ที่บ้ า นจะมีรถอยู่หลายคัน พร้อมทั้งคนขับรถ แต่ลีกาชิง ก็มักจะพาลูกๆขึ้นรถรางไปโรงเรียน และยังใส่เสื้อผ้ารวมถึงของใช้ธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ลูกๆของเขาจะเรียนอยู่โรงเรียนชั้นนำ
ที่ลูกคนอื่นๆจะมีรถรับส่งส่วนตัว และใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัวเพราะลีต้องการให้ลูกๆของเขาได้สัมผัส และเรียนรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนทุกชนชั้นอย่ างแท้จริง
ถ้านั่งรถส่วนตัวไปเรียน ลูกๆก็จะไม่ได้เห็นอะไรเลย
3. ให้ลูกทำงานพาร์ทไทม์ในวันหยุด
ถึงแม้ฐานะทางบ้ า นของลีกาชิงจะมั่งคั่ง แต่ในช่วงวันหยุดเขาก็มักจะให้ลูกๆไปทำงานพาร์ทไทม์เช่น เป็นแคดดี้ในสนามกอล์ฟ เขาบอกว่า เขาดีใจที่เห็นลูกๆตัวน้อยของเขาแบกถุงกอล์ฟ
ถุงใหญ่ๆเดินไปในสนาม และลูกบอกว่า จะนำรายได้ทั้งหมดที่ทำงานพาร์ทไทม์ไปบ ริ จ าคเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ย ากลำบาก ยิ่งทำให้เขาดีใจมากขึ้นไปอีก
4. ผู้ที่ประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักวิธีการวางตัว
ลีกาชิงมักเน้นย้ำกับลูกๆเสมอว่า หากอย ากจะประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักการวางตัวและการเผชิญหน้ากับสังคมที่เหมาะสม ต้องเป็นนักธุรกิจที่ซื่อสัตย์ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหุ้นส่วนตอนที่ลูกๆ
ของลียังเล็ก เขาจะพาลูกเข้าไปนั่งประชุมของบริหารด้วย เขาได้จัดที่นั่งพิเศษให้ลูกๆได้ฟังผู้ใหญ่ประชุมหาลือกัน บางครั้งก็อาจจะมีข้อพิพาท จนต้องคุยกันเสียงดัง แต่เขาจะอธิบายให้ลูกฟังว่า
“ โต้แย้งกัน ก็เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท มันเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ถกเถียงก็จะไม่เข้าใจกัน ”
5. สอนให้ลูกยืนอยู่บนแข้งขาตัวเอง
หากอย ากให้ลูกได้ดี ต้องไม่ตามใจลูกจนเสียคน ต้องให้พวกเขายืนด้วยขาของตัวเองให้ได้ลีได้ส่งลูกทั้งสองคนไปเรียนที่ต่างประเทศ ตั้งแต่ลูกๆยังอายุ 13 และ 15 ขวบเท่านั้นลูกๆของเขา
ต้องฝึกช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ทำกับข้าวไม่เป็นก็ต้องทำกินเองให้ได้ จนทั้งคู่สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ในที่สุด เมื่อถึงช่วงวันหยุด ลูกๆก็ต้องออกไปหารับจ้าง ทำงานพาร์ทไทม์
ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปคนที่รู้จักภูมิหลังของพวกเขามักจะพูดว่า “บ้ า นรวยขนาดนี้ ทำไมยังต้องมาทำงานหาเงินเองยู่อีก”ลูกๆของเขาก็จะตอบไปว่า “ ไม่เป็นไรครับ ”
6. เรียนจบแล้ว จงไปสร้างธุรกิจของตัวเอง
เมื่อลูกๆทั้งสองคนเรียนจบ จากมหาวิทย าลัยสแตมฟอร์ดด้วยเกรดเฉลี่ยที่ยอดเยี่ยมพวกเขาก็ตั้งใจที่จะกลับมาทำงานที่บ้ า นให้บริษัทของพ่อ แต่ลีกลับปฎิเสธที่จะให้ลูกๆมาทำงานในบริษัทของตัวเอง
เขาให้ลูกเลือกทางเดิน และหาทางเดินของตัวเองให้เจอทั้งคู่จึงเดินทางไปแคนาดา และได้เริ่มต้นทำธุรกิจจากศูนย์ และด้วยความพย าย ามของพวกเขารวมถึงการเลี้ยงดู และคำสอนต่างๆของลีกาชิง
ทำให้พวกเขาซึมซับ และนำมาใช้ จนในที่สุด ลูกชายคนโตสามารถประสบความสำเร็จด้านอสังหาริมทรัพย์ ส่วนคนเล็กเป็นนักลงทุ นด้านธุรกิจการเงิน ลูกทั้งสองคนสามารถยืนบนลำแข้งของตัวเองได้สำเร็จ
ถึงแม้ลีกาชิงจะดูเป็นคุณพ่อที่เข้มงวด ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยความสะดวกสบายทั้งหมดที่มีให้กับลูกๆ นั่นเพราะว่าเขามองเห็นว่าสิ่งที่สำคัญในการเลี้ยงลูก คือการที่ให้พวกเขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง และ
สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะพ่อแม่เป็นคนสร้างไว้ให้ สิ่งที่เขาทำให้กับลูกๆ มันแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อลูกๆอย่ างแท้จริง
ที่มา : amarinbabyandkids, คำสอน ลี กาชิง